ที่ปรึกษา ศบค.แนะใช้กรณีทหารอียิปต์เป็นบทเรียนก่อนเปิดประเทศ

นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในฐานะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นกรณี ทหารอียิปต์และบุคคลในครอบครัวนักการทูตประเทศซูดานติดเชื้อโควิด-19 และไม่ปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. หลังจากวานนี้ ( 14 ก.ค.) เพื่อเรียกร้องให้ ศบค.ต้องทบทวนกติกาและกำหนดมาตรการใหม่ให้รัดกุมมากขึ้น และมีบทลงโทษที่ชัดเจน

“ผมไม่คิดว่าเราควรมองปรากฏการณ์ทหารอิยิปต์และเด็กหญิงลูกทูตว่าเป็นเรื่องเลวร้ายและต้องหาคนผิดให้ได้ จริงๆ แล้วเราสามารถมองว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เริ่มเรียนรู้กับการอยู่กับโควิดแบบไม่ใช่ zero case ซึ่งมีต้นทุนมหาศาลต่อระบบเศรษฐกิจ (อย่างน้อยต่อระบบเศรษฐกิจส่วนที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนสูงมากถึงกว่า 20% ของ GDP)”

ผมไม่คิดว่าเราควรมองปรากฏการณ์ทหารอิยิปต์และเด็กหญิงลูกทูตว่าเป็นเรื่องเลวร้ายและต้องหาคนผิดให้ได้ จริง ๆ…

โพสต์โดย Somchai Jitsuchon เมื่อ วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2020

แน่นอนว่ามาตรการคัดกรองและหลักปฏิบัติของคนเข้าประเทศจะต้องรัดกุมขึ้น ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากขึ้น แต่ต้องยอมรับความจริงว่าไม่ว่าจะรัดกุมแค่ไหน หากมีคนเข้ามามากขึ้นก็จะมีผู้ติดเชื้อ ‘หลุด’ เข้ามาอยู่ดี โดยเขาก็อาจไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อด้วยซ้ำ

สิ่งที่รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอื่นที่เกี่ยวข้องควรทำ คือเพิ่มศักยภาพของระบบการติดตาม ตรวจเชื้อ กักกัน (Trace, Test, Isolate หรือ TTI) และศักยภาพการรักษาให้มากกว่าปัจจุบันอีกหลายเท่า เพราะนั่นหมายถึงเราจะเปิดประเทศได้มากขึ้น และด้วยต้นทุนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้คืนมา

โดยในชั้นต้นเราอาจวางแผนว่าจะเปิดประเทศในระดับที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ‘ในประเทศ’ (ไม่ใช่ใน state quarantine) อยู่ในระดับ 20-30 คนต่อวัน เพราะเป็นระดับที่ TTI ปัจจุบันรองรับได้ และขยับการเปิดให้กว้างขึ้นตามศักยภาพ TTI ที่มากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top