‘ภากร’ มองตลาดหุ้นหลังโควิดให้น้ำหนักกลุ่มอาหาร-เฮลธ์แคร์-ท่องเที่ยว

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในงาน INVEST ASEAN 2020 ในหัวข้อ “ตลาดทุนไทย หลังเกิด COVID-19” ว่า ภาพอุตสาหกรรมไทยและตลาดหลักทรัพย์ (SET) หลังสถานการณ์โควิด-19 แนวโน้มกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะมีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย พิจารณาจากน้ำหนักที่มีผลต่อดัชนี SET Index และศักยภาพในการแข่งขัน

คือ กลุ่มเกษตรกรรมและอาหาร (Agro and Food) สาธารณสุข (Healthcare) รวมถึงการท่องเที่ยว (Tourism) ที่แม้ว่าการฟื้นตัวจากสถานการณ์หลังโควิด-19 จะยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก

สำหรับกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์จะมุ่งเน้นไปที่ 1) การให้บริการบนดิจิทัลแพลตฟอร์มมากขึ้น 2) พัฒนาสินค้าให้ครบรูปแบบ มีความหลากหลาย และเพิ่มทางเลือกสำหรับนักลงทุน 3) ปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้ออำนวยและดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ๆ อาทิเช่น การปรับเกณฑ์เพื่อลดความผันผวนของตลาด เปลี่ยนเกณฑ์ Ceiling/Floor เหลือ +/- 15% ปรับเกณฑ์ Short Selling รวมถึงล่าสุดกำลังหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่ออนุญาตให้บริษัทต่างชาติสามารถระดมทุนในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้

และ 4) ส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนมีการกำกับดูแลความเสี่ยงตามกลไกของ บรรษัทภิบาล หรือ ESG (Environmental, Social and Governance) เพื่อให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล

ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุว่าภาพรวมโครงสร้างดัชนี SET Index การฟื้นตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมหลังเกิดโควิด-19 เป็นไปในอัตราเร่งที่ไม่เท่ากัน ซึ่งหากพิจารณาจากวันที่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในไทย เมื่อ 31 ม.ค.63 (ฐาน) เทียบกับปัจจุบัน (13 ก.ค. 63) พบว่ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) ฟื้นตัวกลับมาได้เร็วที่สุด และเกินระดับก่อนเกิดโควิด-19 ไปแล้ว คิดเป็น 107.81% ในขณะที่กลุ่มการเงินเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวช้าที่สุด กลับมาได้เพียง 74.7%

โครงสร้างดัชนี SET Index เปลี่ยนไป โดยกลุ่มบริการ (Services) มีน้ำหนักต่อดัชนีมากขึ้นเป็น 26% ในปี 63 (ขยายตัวจาก 11% ในปี 53) ส่วนกลุ่มการเงินมีน้ำหนักลดลงจาก 22% สู่ 13% และกลุ่มนักลงทุนรายย่อย (Retail Investors) มีบทบาทขับเคลื่อนตลาดมากขึ้น จาก 33.72% ในปี 62 สู่ระดับ 42.92% ในช่วงครึ่งแรกของปี 63

ด้าน นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์ เศรษฐศาสตร์มหภาค บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า มีความเห็นสอดคล้องในแง่ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่ง MBKET เคยออกบทวิเคราะห์ใน Theme การลงทุน “Thailand : Core Competencies Combination” เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.63 ซึ่งเป็นมุมมองระยะยาวที่ผสมผสานจุดเด่นของ 3 อุตสาหกรรม ประกอบไปด้วย อาหาร การแพทย์ และ การท่องเที่ยว ออกมาเป็น 1) Healthcare + Tourism = การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 2) Food + Tourism = การบริโภคสำหรับนักท่องเที่ยว และ 3) Food + Healthcare = อาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

หุ้นเด่นระยะสั้นใน Theme Thailand : Core Competencies Combination คือ MINT : ได้อานิสงส์บวกมาตรการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐฯจากสัดส่วนโรงแรมในต่างจังหวัดสูงถึงราว 65% ในขณะที่ธุรกิจอาหารจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 หลังการคลายล็อกดาวน์ ในขณะเดียวกันมีสัญญาณการฟื้นตัวของราคาหุ้นระยะสั้น วานนี้ (21 ก.ค.) ราคาดีดกลับแรงทำจุดสูงสุดในรอบ 8 วัน ที่ 20.30 บาท พร้อม Volume หนาแน่นสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน

CPF: คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 +13% YoY และขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3/63 จากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศไทยปรับตัวขึ้น ราคาเป้าหมาย 39.20 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top