เงินบาทเปิด 31.32 ต่อดอลล์ แข็งค่าจากวานนี้ หลังจีดีพีสหรัฐฯกดดอลล์อ่อน

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.32 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวานนี้ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังมีปัจจัยกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แย่ลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเสนอเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐออกไปเนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19

“บาทแข็งค่าตามตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก จากปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากโควิด และการทวีตข้อความของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เสนอให้เลื่อนเลือกตั้ง” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 31.25-31.40 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (30 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.34296% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.40465%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 104.53 เยน/ดอลลาร์ จากวานนี้ที่ระดับ 105.08 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1864 ดอลลาร์/ยูโร จากวานนี้ที่ระดับ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.4150 บาท/ดอลลาร์
  • “แบงก์พาณิชย์” ตั้งการ์ดปล่อยกู้ สั่งคุมเข้มสินเชื่อรายย่อย ป้องปัญหาหนี้เสียพุ่ง “เกียรตินาคิน” สั่งเพิ่มเงินดาวน์สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็น 10% พร้อมสกรีนเข้มกลุ่มลูกค้าอาชีพอิสระ ด้าน “กรุงศรีคอนซูมเมอร์” จ่อเพิ่มเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ขอสินเชื่อจากเดิมต้องมีเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 1.2-1.5 หมื่นบาท ขณะ “ไทยพาณิชย์” ยอมรับคุณภาพลูกหนี้ด้อยลง
  • ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบและก่อสร้างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า อยากให้เครดิตบูโรปลดล็อกกลุ่มที่ติดแบล๊กลิสต์แต่หนี้เป็นศูนย์แล้วออกมาโดยเร็ว เพื่อให้กลุ่มนี้สามารถกลับมาทำธุรกรรมเรื่องการเงินได้ ซึ่งพบว่ากลุ่มนี้มีอยู่ประมาณ 100,000 ราย โดยส่วนใหญ่ติดหนี้บัตรเครดิต โดยปัจจุบันแม้กลุ่มแบล๊กลิสต์จะหมดหนี้แล้ว แต่ชื่อต้องอยู่ในระบบเครดิตบูโรต่อไปอีก 3 ปี ดังนั้น จึงอยากให้ลดเหลือเพียง 1 ปี แล้วปลดออกจากระบบ เพื่อให้กลุ่มนี้เดินหน้าธุรกิจต่อไปได้
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Modern Trade ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2563 พบว่า ดัชนีมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ 1 มาอยู่ที่ระดับ 46.4 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 47.1 เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าดัชนีได้ปรับตัวลดลงสู่จุดต่ำสุดแล้ว โดยคาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป แต่ยังคงให้ความระมัดระวังในเรื่องของการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะมีผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจของประเทศกำลังซื้อของประชาชนที่ยังไม่ฟื้นตัว
  • สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว.ได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ จัดโครงการเชื่อมผู้ผลิต เชื่อมผู้ส่งออก และผู้ซื้อในต่างประเทศ เนื่องจากต้องการกระจายสินค้า ขยายตลาด และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย โดยเน้นที่ตลาดกลุ่มประเทศ ซีแอลเอ็มวี หรือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีความนิยมสินค้าไทยเป็นอย่างมาก
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจหดตัว 4.5% ในปีงบประมาณ 2563 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
  • นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เสนอให้สหรัฐเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. โดยอ้างว่าการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีการฉ้อโกงมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2563 หดตัวลง 32.9% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี หรือนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวโดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐออกไปจากกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 9 วันทำการ ขณะเดียวกันนักลงทุนซึมซับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top