ดาวโจนส์ปิดบวก 187.05 จุด นักลงทุนช้อนซื้อหลังหุ้นร่วงหนัก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดยหุ้นแอปเปิลที่พุ่งขึ้นกว่า 2.8% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงกว่าคาดในเดือนม.ค.

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,722.85 จุด เพิ่มขึ้น 187.05 จุด หรือ +0.66%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,276.24 จุด เพิ่มขึ้น 32.61 จุด หรือ +1.01%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,269.68 จุด เพิ่มขึ้น 130.37 จุด หรือ +1.43%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ปิดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันทำการ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า จีนมีความสามารถที่จะต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และจีนพร้อมที่จะร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ในการปกป้องความมั่นคงด้านสาธารณสุขในภูมิภาคและในระดับโลก

นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.83% ก่อนที่บริษัทแอปเปิล อิงค์จะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส ขณะที่หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) พุ่งขึ้น 2.58% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 1.3% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.36% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดขึ้น 1.6% หุ้นอัลฟาเบท บวก 1.3% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ บวก 0.6% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.47% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.2%

หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงซื้อเช่นกัน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทั้งประเภทอายุ 10 ปีและ 30 ปีดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.92% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.71% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก บวก 0.57% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 1.82% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.69% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.19%

หุ้นซีร็อกซ์ โฮลดิ้งส์ คอร์ป ทะยานขึ้น 4.9% ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากทั้ง 2 บริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรรายไตรมาสที่สูงกว่าคาด

หุ้น 3M ร่วงลง 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 1.95 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.11 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐ ดิ่งลง 5.03% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 55 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 58 เซนต์/หุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 131.6 ในเดือนม.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 128.0 จากระดับ 126.5 ในเดือนธ.ค.

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนธ.ค. หลังจากดิ่งลง 3.1% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 29 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 30 ม.ค.ตามเวลาไทย ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ในการคงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562 (ประมาณการขั้นต้น), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top