หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มอ่อนลงตามตลาดตปท.รอดูผลเลือกตั้งสหรัฐ-การเมืองกดดัน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสอ่อนลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งในแดนลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ติดลบสองวันซ้อน-ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ก็ติดลบอยู่ ต่างรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้า-กังวลจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น หวั่นกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ส่วนบ้านเรายังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯก็คงจะออกมาไม่ทันก่อนการเลือกตั้งสหรัฐ นักลงทุนจึงถอยออกมาก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,200-1,190 แนวต้าน 1,220 จุด

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภุมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ติดลบสองวันติดต่อกัน และเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ยังติดลบต่ออีก เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้า และยังมีความกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ไม่มีท่าทีจะลดลงง่าย ๆ และยังเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจยากขึ้นมากกว่าเดิม โดยมองเศรษฐกิจโลกในปีหน้าน่าจะเหนื่อยกว่าคาด

ส่วนตลาดบ้านเราก็ยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ และยังต้องติดตามการชุมนุมทางการเมืองต่อไป ซึ่งต้องคอยดูว่าจะมีการเผชิญหน้ากันหรือไม่ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯก็คงจะออกมาไม่ทันก่อนการเลือกตั้งสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะถอยออกจากตลาดก่อน

พร้อมให้แนวรับ 1,200-1,190 จุด ส่วนแนวต้าน 1,220 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,463.19 จุด ลดลง 222.19 จุด (-0.80%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,390.68 จุด ลดลง 10.29 จุด (-0.30%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,431.35 จุด เพิ่มขึ้น 72.41 จุด (+0.64%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.9 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 113.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 13.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 21.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.66 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 8.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.13 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ต.ค.63) 1,208.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.98 จุด (+0.08%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 120.31 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ต.ค.63) ปิดที่ 39.57 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 2.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ต.ค.63) อยู่ที่ 1.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.21/23 แนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ระหว่างรอปัจจัยใหม่
  • ธนาคารโลก ระบุโควิดดันปัญหายากจนทั่วโลกรุนแรงขึ้น ชี้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหนุนคนจนไทยลดลง ห่วงกลุ่มเกษตรกรไทยรายได้ไม่มั่นคง “ทีดีอาร์ไอ” ห่วงโควิดกระทบเศรษฐกิจ ดึงปัญหาคนจนยาวถึงปี 65 แนะศบศ.-ศบค. เร่งสรุปเปิดรับท่องเที่ยวต่างชาติ ห่วงยิ่งช้า ฉุดเศรษฐกิจ
  • ธุรกิจโรงแรมไทยวิกฤติหนัก “แอสเสท เวิรด์” ธุรกิจอสังหาฯเจ้าสัวเจริญ เผยทุนไทย รุมเสนอขายโรงแรมกว่า 100 โครงการ หนีพิษโควิด เตรียมจัดตั้งกองทุนวงเงินหลักหมื่นล้านบาท ช้อนซื้อรีแบรนด์ใหม่ ระบุสนใจ 30 แห่ง เสริมพอร์ตสินทรัพย์ 1.24 แสนล้านบาท
  • รัฐบาลเผยทิศทางแผนพลังงานแห่งชาติ มุ่งความมั่นคงทางพลังงาน เพิ่มใช้พลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าชุมชนฉลุย ขยายสถานีเติมไฟฟ้ารถอีวี ทุก 50-70 กม. เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ประเดิมโครงการ Quick Win 100 เมกะวัตต์ เซ็นสัญญาภายในปีนี้
  • นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ราคายางยังคงอยู่ในแนวบวกต่อเนื่องและทะลุแนวต้านสูงสุดในรอบ 3 ปี 8 เดือน คาดการณ์ว่าราคายางพาราพุ่งสูงแตะ 80 บาทต่อกิโลกรัมในเร็วๆ นี้ ส่วนแนวต้านต่อไปคาดว่าราคายางพาราขึ้นไปได้ถึง 90-100 บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ คาดว่าปี 2563 ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้นกว่าราคารับประกันทุกตัว เนื่องจากเกิดน้ำท่วมและฝนตกหนัก ในจีนตอนใต้และเวียดนาม ส่งผลให้ผลผลิตทั่วโลกลดลง ส่วนไทยประสบปัญหาฝนตกผลผลิตออกน้อยกว่า 10% โดยตลาดโลกยังมีความต้องการไม่ต่างจากปี 2562 ที่ไทยส่งออกได้ 4.35 ล้านตัน และปี 2563 คาดส่งออกได้ 4.46 ล้านตัน และราคาส่งออกเพิ่ม 30% จากปีก่อน มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 5.6 หมื่นล้านบาท ทำให้ปีนี้มูลค่าส่งออก 2.43 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.87 แสนล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

  • SINGER (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้าสูงสุด IAA Consensus 17.7 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/63 โตต่อเนื่อง จากแรงหนุนในทุกธุรกิจ, การขายเครื่องใช้ไฟฟ้าปิดห้างไม่กระทบเพราะมีคนขายตามจุดย่อยในทุกอำเภอ, แบงก์ชาติคลุมดอกเบี้ยไม่กระทบเพราะยังคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราต่ำ
  • QH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 2.80 บาท คาดกำไร Q3/63 ฟื้นตัว +24% Q-Q, -21% Y-Y แต่ Q4/63 คาดขยายตัวทำระดับสูงสุดของปีจากการรับรู้ Backlog และผลประกอบการ HMPRO ที่ดีขึ้น โดยปรับประมาณการปี 2563-2564 ขึ้น 24% และ 8% เป็น -27% Y-Y และ +16% Y-Y ตามลำดับ สะท้อนยอดขายและ SG&A ที่ดีกว่าคาด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top