หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์อิงปรับขึ้นเล็งปัจจัยนอกประเทศช่วยหนุน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up เล็กน้อยแต่ทิศทางยังซึมตัว จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศทรงตัวสูงกว่า 8 พันรายวันนี้ แนะติดตามความคืบหน้าจากการใช้มาตรการเข้มงวด-มาตรการเยียวยา แต่เชื่อช่วยกระตุ้นได้ไม่มาก อีกทั้งกองทุน-ต่างชาติขายต่อเนื่องกดดันหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตามตลาดบ้านเราลงไปมากแล้วจึงมีโอกาสรีบาวด์ได้บ้างจาก Sentiment ต่างประเทศเป็นบวก และอาจมีการเล่นเก็งงบฯ ให้แนวรับ 1,544-1,540 แนวต้าน 1,555-1,563 จุด

นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสแกว่ง Sideway up ได้เล็กน้อย แต่ทิศทางยังเป็นลักษณะซึม ๆ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังสูงกว่า 8 พันราย จึงต้องติดตามความคืบหน้าหลังใช้มาตราการเข้มงวดขึ้น และมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์-เคอริ์ฟิว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก

นอกจากนี้ กองทุนและนักลงทุนต่างชาต็ก็ยังขายต่อเนื่องกดดันหุ้นขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากตลาดบ้านเราปรับตัวลงไปมากแล้ว ทำให้มีโอกาสขยับขึ้นได้บ้าง อาจได้แรงหนุนจากปัจจัยนอกประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่บวกตอบรับตลาดสหรัฐฯทำนิวไฮต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเรายังน่าจะขึ้นกับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก โดยอาจมีแรงเก็งกำไรคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/64 ซึ่งสัปดาห์นี้กลุ่มแบงก์จะทยอยประกาศผลประกอบการเริ่มจาก TISCO พร้อมกันนี้ให้ติดตามประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 14-15 ก.ค.นี้จับตาทิศทางนโยบายการเงิน

พร้อมให้แนวรับ 1,544-1,540 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555-1,563 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,996.18 จุด เพิ่มขึ้น 126.02 จุด ( +0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,384.63 จุด เพิ่มขึ้น 15.08 จุด (+0.35%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,733.24 จุด เพิ่มขึ้น 31.32 จุด (+0.21%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.25 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 144.8 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 178.79 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ก.ค.) 1,549.84 จุด ลดลง 2.25 จุด (-0.14%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,796.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ก.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ก.ค.) ปิด 74.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ก.ค.) อยู่ที่ 2.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.67 แนวโน้มอ่อนค่าจากปัจจัยในปท. ตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
  • ครม.เตรียมเคาะใช้เงินกู้ จ่ายเยียวยากลุ่มอาชีพกระทบล็อกดาวน์ 10 จังหวัด ให้กลุ่มสถานเสริมความงาม ร้านนวด สปา พร้อมเพิ่มเงินพิเศษทั้งนายจ้าง-ลูกจ้าง ส่วนนอกระบบจ่ายเงินพร้อมจูงใจเข้าประกันสังคม ธปท.หวั่นจีดีพีโตต่ำกว่าเป้า 1.8% ยืนยัน พร้อมใช้นโยบายผ่อนคลายต่อเนื่อง
  • แบงก์ชาติ ผวาหนี้ครัวเรือนพุ่งแตะ 90.5% ของจีดีพี จี้ออกมาตรการเร่งด่วน กำหนดแรงจูงใจให้สถาบันการเงินตะลุยปรับโครงสร้างหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้สูงอย่างจริงจัง พร้อมดึงภาครัฐ-ตลาดทุนร่วมด้วย
  • นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะติดตามผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการเยียวยาที่ออกมาว่ามีผลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นและระยะยาวอย่างไร ซึ่งต้องดูตามสถานการณ์เป็นหลัก และติดตามโควิดสายพันธุ์เดลตาว่าจะรุนแรงมากเพียงใด โดยในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ได้หารือกันค่อนข้างมากเพราะเป็นความเสี่ยงหากควบคุมการระบาดได้ช้า จะทำให้ภูมิคุ้มกันหมู่ล่าช้าออกไป และกระทบการเปิดประเทศให้ต้องเลื่อนไปด้วย
  • นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมในขณะนี้ กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ล่าสุดโรงแรมหลายแห่งกว่า 50% ได้ปิดตัวลงไปแล้ว โดยเฉพาะโรงแรมในจังหวัดท่องเที่ยวหลักๆ ที่คาดว่ามีปิดตัวลงมากกว่า 50% เนื่องจากการท่องเที่ยวยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ ส่วนจะปิดตัวชั่วคราวหรือถาวร ตอนนี้ค่อนข้างแยกได้ลำบาก แต่ประเมินว่าโรงแรมที่ปิดถาวรมากที่สุดน่าจะอยู่ภาคใต้เป็นโรงแรมขนาดกลางลงไป เพราะพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติสูงที่สุด และคาดว่าจะมีโรงแรมทยอยปิดตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย
  • นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในปี 64 ส่ง ผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาพรวมช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) ลดลงประมาณ 0.63% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดการณ์พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตและรับซื้อในระบบ กฟผ. ตลอดทั้งปี 64 คาดว่า อยู่ที่ประมาณ 195,159 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 1.68% จากปี 63 เนื่อง จากส่วนหนึ่งมีการทำงานที่บ้าน รวมทั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้น และการเติบโตของเศรษฐกิจที่จะได้รับผลบวกจากภาคการส่งออกของไทยที่มีการคาดการณ์จะเติบโต 8-10% จากปีที่ผ่านมา ประกอบกับการที่รัฐบาลมีแผนที่จะเร่งการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว

หุ้นเด่นวันนี้

  • SAPPE (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 36 บาท คาดกำไร Q2/64 เติบโตโดดเด่น +36% Q-Q, +42% Y-Y แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 แต่รายได้ในประเทศยังทรงตัว และการส่งออกเติบโตอย่างน่าประทับใจ ส่วน Utilization Rate ที่สูงช่วยหักล้างต้นทุน Pet Rasin ที่ปรับขึ้น ทั้งนี้ คาดโมเมนตัมกำไรจะทำจุดสูงสุดของปีใน Q3/64 จาก High Season และการส่งออกที่ยังดูสดใสต่อเนื่อง รวมถึง SAPPE มีแผนออกสินค้าใหม่ซึ่งจะเป็นแรงหนุน ยังคาดกำไรปี 2564 +26% Y-Y ราคาหุ้นยังเทรด PE เพียง 17 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มฯซึ่งเทรดราว 25 เท่า
  • CKP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 6.50 บาท ทยอยสะสมคาดกำไรของ CKP จะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ Q2/64 จากปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนที่เพิ่มขึ้น โดย Q2/64 กำไรมีโอกาสทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1 พันล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top