หุ้นไทยแนวโน้มเช้านี้ผันผวนจากเงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง-ยอดผู้ติดเชื้อโควิดยังสูง

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนหลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง-เงินดอลลาร์แข็งค่า ตลาดฯรอติดตามประธานเฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการในสภาฯคืนนี้ ประกอบกับ กังวลผลกระทบเศรษฐกิจในเอเชียจากโควิดหนักอาจดึงเศรษฐกิจทั่วโลกด้วยหรือไม่ ส่วนตลาดบ้านเราขึ้นตอบรับมาตรการเยียวยาไปแล้ว และจำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้ยังพุ่ง-แผนวัคซีนก็ไม่แน่นอน ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบตามปัจจัยภายใน ให้แนวรับ 1,555-1,550 แนวต้านหลัก 1,580 จุด หากไม่ผ่านก็มีโอกาสปรับตัวลง

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนแกว่งขึ้น-ลง เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯพุ่งขึ้น ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า และยังต้องรอติตดามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการในสภาฯคืนนี้ว่าจะส่งสัญญาณอย่างไร โดยเฉพาะทิศทางอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับมีความกังวลผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิดต่อเศรษฐกิจเอเชียแล้วอาจฉุดรั้งเศรษฐกิจทั่วโลกด้วยหรือไม่

สำหรับตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นมาตอบรับเรื่องมาตรการคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบไปแล้ว โดยวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศยังพุ่งขึ้น และแผนด้านวัคซีนยังไม่มีความแน่นอน ด้านตลาดในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน เป็นผลจากปัจจัยภายในแต่ละประเทศ

อย่างไรก็ดี แนะติดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/64 ของจีนที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ และการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์เริ่มจาก TISCO พร้อมเตือนระวังกลุ่มการเงินหลังรัฐฯสั่งการให้ช่วยเหลือลูกหนี้ ซึ่งก็ต้องรอติตดามว่าจะมีมาตรการใดออกมาหรือไม่

พร้อมให้แนวรับ 1,555-1,550 จุด ส่วนแนวต้านหลักให้ไว้ที่ 1,580 จุด หากไม่ผ่านก็มีโอกาสปรับตัวลงได้สูง

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,888.79 จุด ลดลง 107.39 จุด (-0.31%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,369.21 จุด ลดลง 15.42 จุด (-0.35%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,677.65 จุด ลดลง 55.59 จุด (-0.38%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.69 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 200.93 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 1.98 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.ค.) 1,570.99 จุด เพิ่มขึ้น 21.15 จุด (+1.36%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,435.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ก.ค.) ปิด 75.25 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.ค.) อยู่ที่ 2.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.67 อ่อนค่าหลังดอลล์แข็งค่า จากเงินเฟ้อสหรัฐสูงเกินคาดหนุนเฟดขึ้นดบ.เร็วขึ้น
  • สภาองค์การนายจ้างฯประเมินผลกระทบต่อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดตั้งแต่ระลอกแรกจนถึงระลอก 4 ที่มีต่อเศรษฐกิจไทยจะสูงมากกว่า 11 ล้านล้านบาท ล็อกดาวน์ทำฝันค้าง ศก.ไทยพ้นจุดต่ำสุดคาดตลาดแรงงานยิ่งเปราะบางมากยิ่งขึ้น หวังรัฐเดินหน้าเร่งฉีดวัคซีนโดยเร็ว
  • ธุรกิจเช่าซื้อ-จำนำทะเบียน งัดมาตรการใหม่ช่วยลูกหนี้ “ทิสโก้” ผุดโครงการพิเศษ “คืนรถจบหนี้” แก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ ลงทะเบียนถึง 30 ก.ย.นี้ “ไฮเวย์” รอความชัดเจนธปท.พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่ม “กรุงศรีออโต้” ลดค่างวด-ขยายเวลาผ่อนชำระ-พักชำระค่างวดถึงสิ้นปีนี้
  • คมนาคมเร่งแผนลงทุน MR-MAP เคาะ 4 เส้นทางนำร่องสร้างมอเตอร์เวย์คู่ราง หนุนขนส่งแลนด์บริดจ์เชื่อม อีอีซี แก้ปัญหาเส้นทางรถไฟเข้าเขตเมืองกระทบจราจร ลดความซ้ำซ้อนโครงการ พร้อมหนุนขนส่งสินค้าทางราง
  • นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายจักรรัฐ เลิศโอภาส รองผู้ว่าการ กนอ.เป็นประธานการประชุมประชาสัมพันธ์โครงการก่อนเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ที่คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในเดือนนี้ ซึ่งเป็นไปตามกำหนดเดิมที่ตั้งไว้โดยการประชาสัมพันธ์โครงการเป็นไปตามข้อกำหนดของรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัยคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง (รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงาน EHIA (Environmental Health Impact Assessment: EHIA) ที่ให้มีการทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อนเริ่มดำเนินงาน
  • วิจัยกรุงศรีรายงานว่า ทางการยกระดับมาตรการควบคุมการระบาดในกรุงเทพฯและปริมณฑลเข้มขึ้น กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในไตรมาสสาม ในเดือนมิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ 43.1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์หรือนับตั้งแต่เริ่มสำรวจในเดือนต.ค. 2541 และลดลงจาก 44.7 เดือนพ.ค. เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ที่ 80.3 จาก 82.3 เดือนเมษายน สาเหตุหลักจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม ที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอยู่ในระดับสูง และพบการระบาดเป็นคลัสเตอร์ๆ ในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงความกังวลการฉีดวัคซีนที่ยังมีความล่าช้า

หุ้นเด่นวันนี้

  • OSP (กรุงศรี)”ซื้อ”เป้า 40 บาท คาดกำไร Q2/64 เติบโต yoy และ qoq โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการกลับมาเปิดเตาหลอมแก้วช่วยลดต้นทุนหนุน GPM, ยอดขาย CLMV กลับมาฟื้นตัว และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มผสมวิตามินของ ร.พ. ยันฮี
  • JR (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 8.80 บาท คาดกำไร Q2/64 ของ JR เร่งตัวเด่น +24% Q-Q, +251.6% Y-Y จากการรับรู้รายได้ที่เร่งตัวจาก Backlog ที่มีเกือบ 6 พันลบ. ส่วน Q3/64 เบื้องต้นกระทบเล็กน้อยจากการปิดแคมป์ แต่คาดยังเติบโตได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้มีโอกาสรับงานเพิ่มใน H2/64 ส่วนงานใหญ่โครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นใต้ดินเฟส 2 แนวรถไฟฟ้าสีเหลืองและชมพูคาดเกิดขึ้นอย่างช้าต้นปี 2565 หนุน Backlog ทะลุ 1 หมื่นลบ. ยังคาดกำไรปี 2564 +230% Y-Y
  • GPSC (กสิกรไทย) เป้า 83.25 บาท คาดว่าจะรายงานกำไร Q2/64 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ เป็นอีกบริษัทที่จะได้รับผลกระทบจากสถาณการณ์โควิดจำกัด นอกจากนี้ GPSC เปิดเผยเข้าลงทุนบริษัท Avaada Energy Private Limited ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในอินเดีย 41.6% มูลค่า 14,825 ลบ. ซึ่งบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งสิ้น 3,744 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วประมาณ 1,392 เมกะวัตต์และอยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ 2,352 เมกะวัตต์ ช่วยหนุน sentiment การลงทุนวันนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top