SNNP ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 11.30 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 22.83%

หุ้น SNNP ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 11.30 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท (+22.83%) จากราคาขาย IPO ที่ 9.20 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3,743.09 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 11.90 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 12.30 บาท และราคาลงต่ำสุด 11 บาท

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ไปเป็นปี 2565 เนื่องจากมองว่ารายได้รวมในปีนี้ของ SNNP จะเติบโตเล็กน้อย จากยอดขายในกลุ่มขนมขบเคี้ยวที่คาดว่าจะทรงตัว จากผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งยังคงรุนแรง แต่ยังมียอดขายจากกลุ่มเยลลี่พร้อมดื่มที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง และกลุ่ม Functional Drink ที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท รวมไปถึงส่วนแบ่งกำไรจากสิริโปร ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจัดจำหน่ายสินค้าให้บริษัทอื่น ช่วยหนุนรายได้รวม

ในด้านของอัตรากำไรนั้น SNNP มีอัตรากำไรในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 13.9% ซึ่งเกิดจากรายการพิเศษจากเงินลงทุนหลังการเพิ่มทุนใน สิริ โปร กว่า 128 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานหลักยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/63 แต่ด้วยการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น เนื่องจากมีการยกเลิกผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นต่ำ, การปรับโครงสร้างบริษัท, ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการชำระคืนเงินกู้ และการไม่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายจาก สิริ โปร ที่กลายเป็นบริษัทร่วม ทำให้คาดจะเห็นการปรับตัวของอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลักที่ดีขึ้น และเริ่มเสถียรขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป

สำหรับในปี 65 จากการประมาณการเบื้องต้นมูลค่าที่เหมาะสมของ SNNP อยู่ที่ 11.30 บาท หรือ P/E สำหรับปี 65 ที่ 21.35 เท่า (อิงจากบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีลักษณะการดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกันและให้ส่วนลด 30% จากอัตรากำไรที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม) จากการเติบโตของรายได้รวมที่ 20 % เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการบริโภคหลังสถานการณ์ระบาดเริ่มดีขึ้น และการกระจายสินค้าที่ทั่วถึงมากขึ้นจากศูนย์กระจายสินค้าของสิริโปร หนุนการเติบโตของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งในประเทศ และต่างประเทศโดยเฉพาะในจีน (จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่) และเวียดนามที่มีการเติบโตในผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจำหน่ายสูง

นอกจากนี้ จากแผนการขยายฐานการผลิตเข้าสู่ CLMV มากขึ้นทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงช่องทางการจัดจำหน่าย และกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศใกล้เคียงได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้จากต่างประเทศในอนาคต โดยจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นภายในปี 65 ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมผลิตภัณฑ์ที่บริษัทกำลังพัฒนาในกลุ่มกัญชงกัญชาในการประมาณการ

สำหรับปัจจัยที่ต้องระวังของ SNNP คือ ค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดที่อาจมากกว่าคาดจากแผนการขยายสู่ต่างประเทศมากขึ้น และการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ อาจส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าที่คาด

SNNP ดำเนินธุรกิจโดยการผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีช่องทางการจำหน่ายแบบ Modern Trade และ Traditional Trade โดยสามารถจำแนกผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ออกเป็น 2 กลุ่มตามสัดส่วนรายได้ คือ

1. กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโดยมีสัดส่วนรายได้ช่วงไตรมาส 1/64 ที่ 41.5% ประกอบด้วยกลุ่มเยลลี่พร้อมดื่มและเยลลี่คาราจีแนน ภายใต้ตราสินค้าเจเล่, กลุ่ม Asian Drink ภายใต้ตราสินค้าเช่น เมจิกฟาร์ม และ กลุ่ม Functional Drink ภายใต้ตราสินค้าเช่น อควาวิตซ์วิตามิน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท

2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวโดยมีสัดส่วนรายได้ช่วงไตรมาส 1/64 ที่ 50.8% ได้แก่ กลุ่ม ปลาหมึกอบ ปลาหมึกเส้น และปลาเส้น ภายใต้ตราสินค้าเช่น เบนโตะ, กลุ่มประเภทขนมขึ้นรูปและขนมปังแท่ง และ ขนมขบเคี้ยวอื่น ๆ ภายใต้ตราสินค้าเช่น โลตัส

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการกระจายสินค้าที่มากขึ้น บริษัทยังมีการลงทุนในบริษัท สิริ โปร จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายและเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภค ในจำนวน 50.01% สำหรับ สิริ โปร มีสัดส่วนรายได้ช่วงไตรมาส 1/64 ที่ 7.7%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top