นายกฯ พอใจภาพรวมการดูแลผู้ป่วยระบบ HI/CI ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมติดตามการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) และการนำส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระบบ HI/CI เป็นการรองรับผู้ป่วยตามคำวินิจฉัยแพทย์ สามารถลดจำนวนผู้ป่วยรอเตียงในทุกระดับสีอาการ ลดอัตราการเสียชีวิตที่บ้าน จึงจำเป็นต้องปรับปรุงกระบวนการดูแลระบบ HI/CI ทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพมหานครและ 76 จังหวัดให้มีมาตรฐานและการดำเนินงานที่ชัดเจนในทิศทางเดียวกัน

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ให้ความสำคัญในการพัฒนา ปรับปรุงมาตรการควบคุมอย่างเป็นลำดับ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาและความรุนแรงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และจำนวนผู้รักษาหายแล้วใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นความสามารถของแพทย์และระบบสาธารณสุขไทย

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี พอใจภาพรวมการทำงานของทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในการดูแลผู้ป่วยระบบ HI/CI ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็เดินหน้าแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ทั้งการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่อยากเห็นคนไทยมีงานทำ การจัดหาเวชภัณท์ต่าง ๆ ก็ขอให้หน่วยงานที่กำกับดูแล เน้นความถูกต้อง โปร่งใส รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการจัดหาและนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นไปตามแผนการจัดซื้อ ยืนยันว่าไทยสามารถจัดหาวัคซีนที่มีเทคโนโลยีหลากหลาย

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า สิ่งสำคัญหลังจากนี้ คือ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ขอให้ลงลึกถึงระดับจังหวัด อำเภอ เร่งแก้ปัญหาข่าวปลอม/ข่าวบิดเบือน พร้อมขอบคุณภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม ที่ร่วมมือกัน เพราะทุกคนมีความสำคัญในการบริหารจัดการโควิด-19 ด้วยกัน

สำหรับการส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนานั้น นายกรัฐมนตรี ขอให้มีการประสานในระดับจังหวัดตั้งแต่ต้นทาง ปลายทาง การเคลื่อนย้ายต้องเป็นไปตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค ป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายไปในจังหวัด ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมให้การสนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางบก โดยรถและรถไฟ ซึ่งตนเองในฐานะรมว.กลาโหม ได้สั่งการกระทรวงกลาโหม กองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับ เข้ามาช่วยเหลือการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ในการขนส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา ด้วยเครื่องบินของกองทัพในเส้นทางที่ฝึกบินอยู่แล้ว ต้องขอย้ำการส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา คือ การส่งผู้กลับเข้าระบบการดูแลการรักษาผู้ป่วยในพื้นที่อยู่แล้ว ภายใต้มาตรการสาธารณสุขในการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณภาคประชาสังคม จิตอาสา ที่มีการดำเนินงานในรูปแบบของเพจออนไลน์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการประสานงานซึ่งกันและกันอย่างเป็นระบบ หากแต่ละเพจรับการขอความช่วยเหลือแล้ว ต้องแจ้งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงกระบวนรักษาผู้ป่วยที่รัฐบาลดูแลต่อไป ซึ่งปัจจุบันก็มีความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจเข้ามาช่วยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยแล้ว

ทั้งนี้ ปลัดกรุงเทพมหานครได้รายงานว่า ได้มีการจัดตั้งศูนย์พักคอยตามบัญชาของนายกรัฐมนตรีจำนวน 60 แห่งทั่วกรุงเทพมหานครแล้ว และจะจัดทำศูนย์พักคอยเฉพาะกลุ่ม เช่น ศูนย์พักคอยวัดมังกร สำหรับการดูแลพระสงฆ์ ศูนย์พักคอยราชานุกูล สำหรับกลุ่มผู้พิการ รวมทั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อสำหรับเด็กที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ ศูนย์สร้างสุขทุกวัยเกียกกายด้วย นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขจัดเตรียมด้านเวชภัณท์ ยาฟาวิพิราเวียร์และยาสมุนไพร เพื่อประโยชน์ในการรักษาในแต่ละระดับอาการในระบบ HI/CI ให้เพียงพอด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top