เงินบาทเปิด 33.42/44 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 33.40 – 33.50 ตลาดรอตัวเลข GDP จีน

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.42/44 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก
เย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.30 บาท/ดอลลาร์

วันนี้คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ตลาดรอติดตามการประกาศตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3/64 ของจีน เนื่องจาก
จะมีผลต่อ fund flow ในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่ปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจทางฝั่งสหรัฐฯ และปัจจัยในประเทศของไทยเอง ยังไม่มีผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินในวันนี้เท่าใดนัก

“วันนี้ตลาดรอดูจีนประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 เพราะจะมีผลต่อ fund flow ของทางเอเชีย ระหว่างวันเงินบาทคง
แกว่งแคบๆ เพราะปัจจัยอื่นๆ ยังไม่มีอะไรมาก ส่วนในประเทศ ตลาดก็รับข่าวเรื่องเปิดประเทศไปแล้ว กว่าเม็ดเงินจะเข้ามาและมีผลต่อค่าเงิน น่าจะเป็นช่วงปลายปี”

นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.40 – 33.50 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (15 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.30438% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.32621%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.02/04 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 114.34 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1585/1595 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1603 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.250 บาท/ดอลลาร์
  • นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศ เร่งหาทางอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางของนักท่องเที่ยวให้สะดวกมากที่สุด โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือดีอีเอสต้องเร่งพัฒนาระบบตรวจสอบเอกสารวัคซีนพาสปอร์ตเพิ่มเติม ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องประสานงานกระทรวงสาธารณสุข ดีอีเอส ต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้งานแอพพลิเคชั่นของสมาคมขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ หรือไออาต้าทราเวล พาส มาอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวได้หรือไม่ เพื่อช่วยลดภาระการตรวจสอบเอกสารให้กับนักท่องเที่ยวได้มาก
  • “นักเศรษฐศาสตร์” เล็งเพิ่มเป้าจีดีพีปีหน้ารับอานิสงส์เปิดเมือง 1 พ.ย. ค่ายกสิกรไทยมั่นใจกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมา “ทีทีบี” เชื่อท่องเที่ยวในประเทศฟื้น “ซีไอเอ็มบีไทย” ลุ้นโตทะลุ 4% จากเดิมคาด 3.2% “กรุงไทย” มั่นใจหากวัคซีนเข้าเป้า ปีหน้าจีดีพีโตถึง 6% “สศค” เตรียมประกาศคาดการณ์ 28 ต.ค.นี้ ลุ้นส่งออก-ใช้จ่ายในประเทศ-นโยบายภาครัฐ
  • รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการผลิตรถยนต์ในปี 65 หากสถานการณ์โควิด-19 ไม่กลับมาระบาดรุนแรง กลับไปสู่มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง เชื่อว่า จะมียอดการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ตั้งเป้า 1.55 ล้านคัน ไปได้มากกว่า 1.6 ล้านคันเป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น จากการระดมฉีดวัคซีนป้องกันเช่นเดียวกับไทย ดังนั้นในช่วงเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจึงเป็นสิ่งที่คนไทยยังคงต้องมีความเข้มงวดในการป้องกันตนเองต้องไม่การ์ดตกหากไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจจะไปต่อได้ยากขึ้น
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.)เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.ย.
  • ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 61,000 ดอลลาร์ช่วงเช้านี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) จะให้การอนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF บิตคอยน์เพื่อทำการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า
  • ProShares บริษัทจัดการสินทรัพย์ของสหรัฐ ได้เปิดเผยรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) ของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.) บ่งชี้ว่า กองทุน ETF สัญญาล่วงหน้าบิตคอยน์ของ ProShares จะเริ่มการซื้อขายในสัปดาห์หน้า ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐ
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (15 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้นและนักลงทุนยังเทขายสัญญาทองคำในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย หลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2564 ของจีนในวันนี้ ขณะที่ผลสำรวจพบว่า GDP จีนมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 5% ในไตรมาส 3 โดยได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ อันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ของบริษัทไชน่า เอ เวอร์แกรนด์ รวมทั้งการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า, ความเชื่อมั่นที่อ่อนแอของผู้บริโภค และต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งขึ้นในภาคการผลิต
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ภาคบริการ-ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ต.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top