SPALI ลุยเปิด 4 คอนโดฯใหม่ดันยอดโค้งสุดท้ายรับตลาดทยอยกลับมาฟื้นตัว

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียม 4 โครงการใหม่ ในช่วงไตรมาส 4/64 มูลค่ารวม 5.74 พันล้านบาท คิดเป็น 17% ของมูลค่าโครงการเปิดใหม่ในปีนี้ หลังจากบริษัทมองว่าภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเริ่มเห็นการกลับมาทยอยฟื้นตัว

สำหรับคอนโดมิเนียมใหม่จะอยู่ในกรุงเทพฯ 3 โครงการ มูลค่า 5.49 พันล้านบาท และในหัวเมืองต่างจังหวัด 1 โครงการ มูลค่า 250 ล้านบาท โดยได้เตรียมเปิดตัวโครงการแรก คือ โครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท โดยปัจจัยที่บริษัทตัดสินใจเลือกเปิดตัวในช่วงนี้เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด–19 ในประเทศไทยจำนวนลดลง และรัฐบาลมีการควบคุมผ่านมาตรการต่างๆ ทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น

โครงการ ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร ราคาเริ่มต้นเพียง 3.92 ล้านบาท เปิดจองรอบพิเศษผ่านระบบ Online Booking วันที่ 22 ต.ค 64 ตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป และรอบ Pre -Sales วันที่ 30–31 ต.ค.64 โดยบริษัทวางเป้าหมายการขายโครงการดังกล่าวในช่วงพรีเซลล์ไว้ที่ 80-90%

นายไตรเตชะ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 64 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด–19 ทำให้ซัพพลายคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลชะลอตัวลง 19% เมื่อเทียบกับปี 63 เนื่องจากสภาวะตลาดมีความไม่แน่นอน แต่ในช่วงครึ่งปีหลังผู้ประกอบการต่างเตรียมเร่งส่งมอบคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จและพร้อมอยู่ให้กับลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งจัดโปรโมชั่นนลดเพื่อกระตุ้นยอดขาย เพื่อช่วงชิงโอกาสในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64

แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะยังไม่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ แต่จากการที่ปริมาณซัพพลายอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมเริ่มลดลงไปแล้วค่อนข้างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ จะเริ่มกลับมาเปิดคอนโดมิเนียมอีกครั้ง ซึ่งยังเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการซื้ออยู่ในกลุ่มคนที่ทำงานและต้องการเดินทางได้สะดวก ในช่วงไตรมาส 4/64 จึงมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายรายเตรียมกลับมาเปิดคอนโดมิเนียมอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการปลุกให้ตลาดกลับมาคึกคักได้อีกครั้งหนึ่ง

ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย. 64) SPALI ทำยอดขายไปแล้ว 1.75 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 65% ของเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายในช่วงที่ผ่านมามาจากโครงการแนวราบเป็นหลัก และเชื่อว่าในปี 64 ยอดขายแนวราบจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่แน่นอน ส่วนคอนโดมิเนียมเชื่อว่าจะฟื้นกลับมาในไตรมาส 4/64 จากการเปิดตัวโครงการใหม่ ประกอบกับภาพรวมของบรรยากาศภายในประเทศดีขึ้น หลังภาครัฐคลายล็อกมาตรการต่างๆ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมามากขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อกลับมาด้วยเช่นกัน

“ต้องยอมรับว่าในช่วงไตรมาส 3/64 ภาพรวมยอดขายอาจจะดูซบเซาลงมาก จากการล็อกดาวน์ทำให้ช่วงก.ค.-ส.ค. ยอดลูกค้าเข้าชมโครงการลดลงอย่างเห็นได้ชัด และการปิดแคมป์คนงาน ซึ่งบางแห่งกินเวลามากกว่า 1 เดือน ทำให้บางโครงการแนวราบที่ต้องเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/64 ต้องเลื่อนมาเปิดตัวในไตรมาส 4/64 แทน”

นายไตรเตชะ กล่าว

ด้านกลยุทธ์ของบริษัทในไตรมาส 4/64 จะเน้นการออกแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธ์ของลูกค้าในช่วงปลายปี เพราะยังมีลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) พร้อมที่จะตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจยังไม่กลับมาดีอย่างชัดเจน และธนาคารมีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อที่ค่อนข้างเข้มงวด ทำให้บริษัทจะต้องหันมาเน้นการทำโปรโมชั่นเพื่อมอบส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าและดึงดูดให้ลุกค้าเข้ามาซื้อมากขึ้น

ส่วนรายได้ในปี 64 ยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 2.8 หมื่นล้านบาท จากการทยอยส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3.6 หมืนล้านบาท จะทยอยรับรู้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/64 กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท และยังมีสต๊อกพร้อมขายและโอนได้ทันทีที่จะทยอยขายอย่างต่อเนื่องราว 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น สต๊อกโครงการคอนโดมิเนียม 1.5 หมื่นล้านบาท และสต๊อกแนวราบ 5 พันล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top