TPLAS คาดปี 64 รายได้โต 10% ออกผลิตภัณฑ์ใหม่-เพิ่มไลน์ผลิต-ขยายกล่องกระดาษ

นายอภิรัตน์ ธีระรุจินนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) กล่าวว่า บริษัทประเมินการอัตราการเติบโตในปี 64 ไว้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 63 โดยแบ่งเป็นรายได้จากยอดขายสินค้าถุงบรรจุภัณฑ์ที่ 82% ฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร 10% และบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษ 8%

บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้ของผู้บริโภค ภายหลังที่ได้มีการดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรใหม่แล้วเสร็จในเดือนมีนาคมนี้ โดยเน้นวางกลยุทธ์เชิงรุกในการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษบรรจุอาหารเนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าบรรจุภัณฑ์พลาสติก ผ่านแผนกระตุ้นการจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อตอบโจทย์นโยบายบริษัทฯ และสอดคล้องกับแผนการขยายกำลังการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษบรรจุอาหารที่เร่งเดินหน้าลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มเป็น 10 เครื่อง จากปัจจุบันมีอยู่ 4 เครื่อง ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษบรรจุอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 31 ล้านใบต่อปี จากปัจจุบัน 12 ล้านใบต่อปี

นอกจากนี้ มีแผนศึกษาเพิ่มไลน์ผลิตใหม่ ที่เป็นบรรจุภัณฑ์กระดาษประเภท จาน ถ้วย และถาด เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ พร้อมกับนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยต่อยอดลดต้นทุนด้านแรงงานคนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ TPLAS เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 63 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.86% จากงวดเดียวกันปี 62 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 33.31 ล้านบาท ขณะรายได้รวมอยู่ที่ 473.88 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 469.71 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกบรรจุอาหารและถุงหูหิ้วภายใต้ตราสินค้า “หมากรุก” และ “หมากฮอส” เท่ากับ 408.21 ล้านบาท กลุ่มฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ภายใต้ตราสินค้า “VOW Wrap” เท่ากับ 56.60 ล้านบาท และกลุ่มบรรจุภัณฑ์กระดาษ สำหรับบรรจุอาหาร ภายใต้แบรนด์ “B-LEAF” เท่ากับ 4.90 ล้านบาท

ปัจจัยที่ส่งผลให้ตัวเลขกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากแผนการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการผลิต รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาด โดยการเน้นขยายฐานลูกค้า (ยี่ปั่วะ ซาปั่วะ) ทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับดีมานด์การใช้บรรจุภัณฑ์รูปแบบกล่องบรรจุอาหาร และ ถุงอาหาร (ถุงร้อน – ถุงหูหิ้ว) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของตลาดอาหารแบบบริการส่งถึงบ้าน (Delivery) ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้โครงการคนละครึ่ง ส่งผลให้มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 64)

Tags: , , ,
Back to Top