CPW คาดรายได้ปี 64 โต 20% ตอบรับกระแสดิจิทัลไลฟ์สไตล์-5G เล็งขยาย 7 สาขา

นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW) เผยว่าในปี 64 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปี 63 ที่มีรายได้ 3.3 พันล้านบาท ลดลงจากปี 62 โดยคาดว่าสินค้ากลุ่มดิจิทัลไลฟ์สไตล์จะกลับมาเติบโต และสินค้ากลุ่มสมาร์ทดีไวซ์ได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงกระแสเทคโนโลยี 5G จะเข้ามาช่วยผลักดันยอดขายทั้งสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และสินค้าแบรนด์ Apple ซึ่งปัจจุบันเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ

เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เป็นแรงขับเคลื่อนให้สินค้าไอทีมีความต้องการมากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G ที่เข้ามาตั้งแต่ปี 63 จะสามารถเข้ามาขับเคลื่อนรายได้ของบริษัทให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าต้องการอัพเกรดอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ทันกับเทคโนโลยี รวมถึงตัวเซ็นเซอร์ใหม่ที่เข้ามาทำให้เทคโนโลยีของอุปกรณ์ต่างๆ มีความทันสมัย และมีความน่าสนใจมากขึ้น

ทั้งนี้ ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้พบว่ายังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จากสัดส่วนรายได้ที่มาจากสินค้า Apple ที่เป็นสินค้ายอดนิยมของสินค้าสมาร์ทดีไวซ์ทั้ง iPad และ iPhone รวมถึงคาดว่ารายได้จะมาจากสินค้าใหม่ๆ ที่จะออกมาในปีนี้ด้วย ตามมาด้วยกลุ่มสินค้าที่มีความสอดคล้องกันอย่างอุปกรณ์เสริมของสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ไตรมาส 2-4/64 นี้คาดว่าสินค้าในกลุ่มดิจิทัลไลฟ์สไตล์จะกลับมาเติบโต เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย รวมถึงปัจจัยบวกเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการผ่อนคลายมาตรการเดินทาง ซึ่งบริษัทให้ความสนใจในสินค้ากลุ่มนี้มาก เนื่องจากสามารถทำกำไรได้ดี และในตลาดยังมีคู่แข่งน้อย

นายปรเมศร์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนการขยายสาขาทั้งหมด 7 สาขา ตั้งงบลงทุนเปิดสาขาใหม่ และการปรับปรุงสาขาเดิมราว 70 ล้านบาท โดยบริษัทจะเปิด U-Store อีก 2 สาขาในไตรมาส 2/64 ร่วมกับพันธมิตรและบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS ที่ได้เลื่อนมาจากปีก่อนเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และในไตรมาส 4/64 จะเปิด iStudio อีก 1 แห่งที่ห้างเซ็นทรัล ศรีราชา ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการเจรจาหาพื้นที่ ส่งผลให้ในสิ้นปี 64 จะมีสาขารวมทั้งหมด 54 สาขา จากปีที่แล้วที่มี 47 สาขา

สำหรับแผนการขยายสาขาร้าน .life (ดอทไลฟ์) ขณะนี้อยู่ในกระบวนการหาสถานที่ที่ยังไม่เคยไปลงทุน เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว และเซ็นทรัลพระราม 2 เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนจะขยายตลาดไปยังจังหวัดเล็กๆ ด้วย โดยคาดว่าจะเห็นรูปแบบการขยาย และรายละเอียดในไตรมาส 2/64 นี้

พร้อมกันนั้น บริษัทยังคงมุ่งเน้นธุรกิจด้าน E-commerce และ Omni Channel อย่างต่อเนื่อง จากปีที่แล้ว E-commerce ที่มีการเติบโตถึง 500% ปีนี้จึงมีแผนพัฒนาทั้งแพลตฟอร์มของบริษัท และมาร์เก็ตเพลส โดยจะมีการรื้อโครงใหม่ เสริมฟีเจอร์ และทำแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเปิดใช้แพลตฟอร์มใหม่ช่วงปลายปีนี้

ส่วนปัญหาเรื่องสินค้าค้างสต็อก บริษัทได้มีการแก้ปัญหาโดยการหาพันธมิตรและซัพพลายเออร์เพิ่ม รวมทั้งบริหารจัดการสินค้าอย่างเป็นระบบจัดสรรสินค้าว่าควรนำไปจำหน่ายที่ร้านใด ขณะเดียวกันบริษัทเจอปัญหาเรื่องสินค้าขาดอยู่บ้าง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการนำเข้าที่จะมีกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา จึงอาจส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นด้วย ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/64 คาดว่าได้รับปัจจัยบวกจากเรื่องไอโฟนที่มีการดีเลย์จากปีที่แล้ว

ด้านผลประกอบการปี 63 มีรายได้อยู่ที่ 3,315 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 14.52% โดยมีสัดส่วนสินค้าจากสินค้าไลฟ์สไตล์ 39% สมารท์โฟน 34% คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต 25% และการบริการ 2% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 55 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิ 1.64% ด้านธุรกิจด้าน E-commerce มีการเติบโตเป็น 5.39% เมื่อเทียบจากปี 62 ที่ 0.74%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top