สธ.ห่วงต่างด้าวลอบเข้าเมืองแพร่เชื้อ ขอเข้มมาตรการป้องกันส่วนบุคคลหลังพบสายพันธุ์อินเดีย

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรณีตรวจพบผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยติดเชื้อสายพันธุ์อินเดียรายแรกในสถานที่กักกันตัวที่รัฐกำหนด (State Quarantine:SQ) ซึ่งผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นหญิงชาวไทย อายุ 42 ปี เดินทางมาจากประเทศปากีสถาน ไปต่อเครื่องที่ดูไบ และมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 เม.ย.64 โดยกักตัวที่ SQ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จึงส่งตัวอย่างเพื่อตรวจเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และเมื่อวันที่ 9 พ.ค.64 ผลการตรวจสายพันธุ์พบว่าเป็นสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.1) จึงได้ส่งต่อผู้ป่วยจาก SQ ไปดูแลรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ต่อไป

สำหรับการตรวจพบสายพันธุ์อินเดียในครั้งนี้เป็นไปตามระบบที่วางไว้ โดยทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศจะได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทำให้สามารถตรวจพบได้เร็วและเข้าสู่ระบบการรักษาอย่างทันท่วงทีและควบคุมดูแลรักษาจนปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายเป็นวงกว้างและระบาดในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รายละเอียดของเชื้อดังกล่าวมีจำกัด และยังไม่ทราบว่ามีการดื้อวัคซีนมากแค่ไหน การแพร่กระจายของเชื้อเป็นอย่างไร รวมถึงมีความรุนแรงของโรคเพียงใดเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ ดังนั้นมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลจึงยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศได้มีมาตรการสำหรับคนต่างชาติที่มาจากประเทศอินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ และเนปาล โดยมีการชะลอชั่วคราวการออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย หรือ certificate of entry (COE) ทำให้คนต่างชาติยังไม่สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ แต่กรณีคนไทยที่กลับจากประเทศดังกล่าวจะได้เข้าสู่ระบบการกักตัวใน SQ ตามมาตรการที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ซึ่งสามารถช่วยให้ตรวจจับโรคได้เร็วและป้องกันเชื้อแพร่กระจายในวงกว้างได้

ทั้งนี้มีเรื่องที่น่าห่วงในช่วงนี้คือบริเวณพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจมีการลักลอบข้ามชายแดนโดยผิดกฎหมายและอาจนำเชื้อสายพันธุ์อื่นเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ผลการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองและการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยผิดกฎหมาย เฉพาะเดือน พ.ค.64 (ข้อมูล ณ 11 พ.ค.64) มีการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 1,218 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมาและชาวกัมพูชา จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ดำเนินการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องในพื้นที่ดังกล่าว ที่สำคัญประชาชนในพื้นที่ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นผู้ที่ลักลอบเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หรือผู้นำชุมชนในพื้นที่โดยเร็ว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top