หุ้นไทยปิดลบ 0.59 จุด แกว่งแคบหลังไร้ปัจจัยใหม่หนุน-โควิดในประเทศยังถ่วง

SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,551.85 จุด ลดลง 0.59 จุด (-0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 78,740.77 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบมากทั้งในแดนบวก-ลบ ยังไร้ปัจจัยใหม่และสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดถ่วงหลังจากในไทยพบเชื้อโควิดเกือบทุกสายพันธุ์แล้ว จึงต้องจับตาการกระจายวัคซีนที่มีผลต่อการเปิดเมือง แม้คาดหวังเงินกู้ 7 แสนลบ.มาช่วยประคอง Downside ได้บ้าง ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่แกว่งบวกเช่นเดียวกับตลาดยุโรป หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปฟื้นตัวได้ดี มองช่วยหนุนส่งออกไทยได้ พรุ่งนี้ตลาดฯคงแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down ต่อไป ให้แนวรับ 1,540-1,530 แนวต้าน 1,560-1,565 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,551.85 จุด ลดลง 0.59 จุด (-0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 78,740.77 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,559.60 จุด และระดับต่ำสุด 1,547.14 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 570 หลักทรัพย์ ลดลง 1,050 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 448 หลักทรัพย์

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบมากทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากตลาดฯไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามา แม้จะมีความคาดหวังในพ.ร.ก.เงินกู้ใหม่ 7 แสนล้านบาทมาช่วยประคอง Downside ของตลาดฯได้บ้าง แต่ upside ตลาดยังเป็นเรื่องยากที่จะไปต่อ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังถ่วง หลังจากพบเชื้อโควิดเกือบทุกสายพันธุ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ, อินเดีย, แอฟริกา จึงต้องจับตาว่าจะได้รับมอบวัคซีนได้ตามกำหนดหรือไม่ หรือจะเลื่อนออกไป เพราะมีผลต่อการเปิดเมือง

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็แกว่งในแดนบวก เพราะปัจจัยนอกประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากเศรษฐกิจทั้งยุโรปและสหรัฐฟื้นตัว น่าจะมาช่วยหนุนในด้านการส่งออกของไทยได้ด้วย

อย่างไรก็ดี บ้านเรายังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่อไป ส่วนนอกประเทศช่วงนี้ก็ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ อย่างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐงวดไตรมาส 1/64 ที่ใกล้จะประกาศออกมา

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ค.) น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ช่วงนี้ตลาดฯคงจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down เนื่องจากยังขาดปัจจัยขับเคลื่อน พร้อมให้แนวรับ 1,540-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,560-1,565 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

KCE มูลค่าการซื้อขาย 3,578.42 ล้านบาท ปิดที่ 69.75 บาท เพิ่มขึ้น 6.75 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,376.38 ล้านบาท ปิดที่ 118.50 บาท ลดลง 2.00 บาท

KTC มูลค่าการซื้อขาย 2,308.92 ล้านบาท ปิดที่ 77.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

HANA มูลค่าการซื้อขาย 2,149.14 ล้านบาท ปิดที่ 55.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,052.00 ล้านบาท ปิดที่ 38.25 บาท ลดลง 0.25 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top