ยืมมั้ย จับมือ Bitkub-WEALTHI-FINSTABLE เปิดแพลตฟอร์มเช่าสินทรัพย์ดิจิทัล

นายสุทธิเกียรติ กิตติภัทรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยืมมั้ย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทร่วมมือกับ Bitkub, บริษัท เวลธิเทคฟิน จำกัด (WEALTHI) และบริษัท ฟินสเตเบิ้ล จำกัด (FINSTABLE) เปิดตัว YES Token บนแพลตฟอร์มเช่าสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งแรกของโลก ใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท ในการพัฒนา โดยใช้ระบบ Centralized Decentralized Finance (CeDefi) ที่มี KYC CDD AML ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งที่มีความแข็งแกร่ง และความปลอดภัย

สำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่ YES Token สามารถให้เช่าได้ จะประกอบด้วย 6 สกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ KUB, KUSDT, KUSDC, KBTC, KETH, KDAI แต่ในระยะแรกจะเปิดให้เช่า KUSDT ก่อน เนื่องจากเป็น stable token เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองก่อน หลังจากนั้นก็จะเปิดให้บริการเหรียญอื่นๆ รวมไปถึงในอนาคตก็จะสามารถทำการซื้อขายเหรียญ YES ได้ด้วย

นายภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bitkub Blockchain Technology กล่าวว่า แพลตฟอร์มเช่าสินทรัพย์ดิจิทัลของ “ยืมมั้ย” ถือเป็นแพลตฟอร์มแรกของ Bitkub chain ที่เป็นภาค Finance ที่ได้เข้ามาพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว โดย Bitkub จะสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจ Blockchain ในเรื่องของการสร้างเหรียญ YES บน Bitkub chain รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาด้าน Tokenomics, ด้านเทคนิคอลในการออกแบบ พัฒนาสมาร์ทคอนแทคต่างๆ

สำหรับภาพรวมสินทรัพย์ดิจิทัลในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่เกิดเหรียญ Altcoin มากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากแพลตฟอร์ตใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นบนเทคโนโลยี Blockchain ขณะที่ในปีนี้ภาคธุรกิจก็เริ่มปรับตัวเข้าสู่ยุค Decentralized Finance (DeFi) มากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ยืมมั้ย ที่ขยับเข้ามาพัฒนาแพลตฟอร์ม จากธุรกิจเดิม Traditional Finance มาเป็น Decentralized Finance รวมถึงหน่วยงานกำกับก็เริ่มเข้าใจถึงภาพรวม และประโยชน์ของเทคโนโลยีมากขึ้น

อีกทั้งในปีนี้ก็จะเห็นการเปิดตัว Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือเงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง คาดว่าจะเกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่เข้ามาปฏิวัติวงการทางการเงินในอนาคตมากขึ้น

นายเผด็จ จินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FINSTABLE กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ยืมมั้ย คือแพลตฟอร์มจำลองระบบการกู้ยืมเหรียญในระบบ Blockchain ยืมมั้ย ที่อาศัยเทคโนโลยี Blockchain มาทำหน้าที่บันทึก และดำเนินธุรกรรมแทนตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน เป็นระบบที่โปร่งใส เก็บข้อมูลด้วยระบบกระจายศูนย์กลาง และธุรกรรมของท่านสามารถตรวจสอบได้ทุกเวลา หลักการทำงานจะนำเอาระบบ CeDefi มาใช้เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สามารถเกิดประสิทธิภาพการทำงาน และใช้ต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในไทย

ทั้งนี้ วิธีการทำงาน เมื่อลูกค้าได้รับการแจกเหรียญ (Airdrop) YES Token จะสามารถใช้เป็นข้อมูลในการค้ำประกัน หรือสามารถเช่า หรือยืมสินทรัพย์ออกไปได้จากระบบ ซึ่งจะเป็นจุดที่แตกต่าง เปิดโอกาสให้คนที่มีเครดิตที่ดีในอดีตที่ไม่มีหลักทรัพย์นำมาค้ำประกัน เหรียญ YES Token ก็จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยแพลตฟอร์มจะทำงานบน Smart contract ก็จะมีการคำนวนว่าลูกค้าแต่ละท่านจะมี Credit Score เท่าไหร่ หรือมีความสามารถยืมและนำมาจ่ายเท่าไหร่ ซึ่งจะทำงานโดนอัตโนมัติ และปล่อยให้ลูกค้าสามารถเช่า Token ไปใช้ได้ ที่เป็นเหรียญอื่นๆ ที่อยู่บน Bitkub chain

ลูกค้าหลักจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ นักศึกษา เนื่องจาก Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ การเรียนรู้ที่เร็วก็จะมาจากนักศึกษาก่อน และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน และอยู่ระหว่างมองหาการสร้างรายได้ มองหาทางเลือกในการเกิดสภาพคล่อง ซึ่งเริ่มเข้ามาเรียนรู้กับเทคโนโลยี Blockchain มากขึ้น

ปัจจุบันได้เปิดให้ทดลองระบบ CeDefi บนแพลตฟอร์ม ยืมมั้ย ในกลุ่มนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ โดยจะแข่งกันเป็นทีม ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเหรียญ KUB เป็นทุนการศึกษารวมมูลค่า 100,000 บาท ซึ่งจะเปิดทดสอบระบบตั้งแต่วันที่ 14-31 ม.ค.65

นายธวัชชัย อิงบุญมีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง WEALTHI กล่าวว่า การร่วมมือกันครั้งนี้ เป็นเพียงผลิตภัณฑ์แรก หลังจากนี้ก็คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ออกมาอีกหลายตัวตามมาอย่างแน่นอน ขณะที่ WEALTHI จะเป็นผู้ทำ Credit Scoring สำหรับผู้ที่จะเข้ามาใช้งาน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 65)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top