สธ.จับมือ 4 สภาวิชาชีพพัฒนา “หมอพร้อม” สู่ Digital Health Platform ของไทย

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยถึงการพัฒนาระบบ “หมอพร้อม” สู่ Digital Health Platform ของประเทศไทยว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็วและทั่วถึง โดยที่ผ่านมา ได้พัฒนาระบบ “หมอพร้อม” อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 28 ล้านคน ทั้งในระบบ LINE OA และแอปพลิเคชัน

ล่าสุด ได้พัฒนาให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยการร่วมมือกับ 4 สภาวิชาชีพ ได้แก่ แพทยสภา, ทันตแพทยสภา, สภาเภสัชกรรม และสภาเทคนิคการแพทย์ ขับเคลื่อนระบบหมอพร้อมสู่การเป็น Digital Health Platform ของประเทศไทย เพื่อปรับโฉมการให้บริการสุขภาพที่ทั้งทันสมัย เข้าถึง และเท่าทันต่อความต้องการของประชาชน

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การพัฒนาหมอพร้อม Digital Health Platform ร่วมกับ 4 สภาวิชาชีพ จะทำให้ระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยก้าวสู่ระบบบริการสุขภาพแบบดิจิทัล สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในปัจจุบัน และรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านโรคระบาดและปัจจัยกำหนดสุขภาพอื่นๆ ในอนาคต

โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ เช่น การนำ AI มาประยุกต์ในการวินิจฉัยและรักษาโรค, การบริหารจัดการข้อมูลสุขภาพด้วย Blockchain, การจัดทำ Big Data เพื่อวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลสุขภาพสำหรับส่งเสริมการให้บริการ, การบริหารจัดการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดเก็บข้อมูล (Cloud Computing), การพัฒนาระบบการสื่อสารทางไกลในการให้บริการประชาชน เป็นต้น ซึ่งนอกจากช่วยอำนวยความสะดวกแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองประชาชน ทั้งสิทธิส่วนบุคคล ความปลอดภัยของข้อมูล และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

“กระทรวงสาธารณสุข จะสนับสนุนและผลักดันให้ “หมอพร้อม” เป็น Digital Health Platform ของประเทศไทย และขอเชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกวิชาชีพ ร่วมใช้งานแพลตฟอร์มนี้ในการให้บริการประชาชน เพื่อเป็นการปรับตัวและช่วยพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย สู่ Digital Health Care ที่สมบูรณ์แบบต่อไป”

นพ.โสภณกล่าว

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีแนวคิดเชื่อมโยงระบบการให้บริการสุขภาพต่างๆ ของโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม ร้านขายยา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สู่ประชาชน ผ่านไลน์และแอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเอง และเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยเปิดระบบ “หมอพร้อม Station” ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกสังกัดใช้งานหมอพร้อม Digital Health Platform ในการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนแล้วตั้งแต่วันนี้

โดยบริการที่เปิดใช้งาน ได้แก่ Telemedicine ให้คำปรึกษาทางการแพทย์และติดตามการรักษาพยาบาล, Telepharmacy ให้คำปรึกษา ติดตามการใช้ยาและผลข้างเคียง, Telemedical Lab บริการด้านเทคนิคการแพทย์ รายงานผลการแปลผลทดสอบ และให้คำปรึกษาก่อนและหลังการตรวจ นำร่องด้วยการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วย ATK ผ่านการใช้ Video Call เพื่อให้คำแนะนำการใช้ชุดตรวจอย่างถูกต้อง, การออกใบรับรองแพทย์แบบดิจิทัล ทั้งการตรวจวินิจฉัยโรคและตรวจสุขภาพ, การบันทึกประวัติการแพ้ยาของประชาชน, การบันทึกผลตรวจโควิดด้วยชุดตรวจ ATK หรือ RT-PCR, ระบบแจ้งเตือน แจ้งนัดหมาย และส่งข่าวสารประชาสัมพันธ์ถึงประชาชน และการเชื่อมระบบ Logistics สำหรับการขนส่งยา จากโรงพยาบาล หรือคลินิก ไปถึงบ้านของประชาชน

“กระทรวงสาธารณสุข จะร่วมมือกับ 4 สภาวิชาชีพ พัฒนาฟังก์ชันต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้หมอพร้อม Digital Health Platform รองรับการให้บริการสุขภาพของประชาชนอย่างครอบคลุม อาทิ การให้บริการตรวจและรายงานผลแล็บอื่นๆ เช่น การตรวจการตั้งครรภ์ การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เป็นต้น การพัฒนาระบบนัดหมายเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยา หรือหน่วยบริการสุขภาพอื่นๆ การชำระค่ารักษาพยาบาลแบบอิเล็กทรอนิกส์ และจะขยายการใช้งานหมอพร้อม Digital Health Platform ให้ครอบคลุมทั้งประเทศต่อไป”

นพ.สุระ กล่าว

พล.อ.ต. นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า การระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบให้ต้องเลื่อนการรักษาและผ่าตัดต่างๆ ออกไป และมีการพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ มาใช้ เช่น Telemedicine ซึ่งแพทยสภาได้ผลักดัน และสนับสนุนการนำนวัตกรรมออกสู่สังคมและสู่สมาชิกแพทยสภา

ทั้งนี้ ระบบหมอพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขเป็น Platform ที่มีระบบต่างๆ ที่สำคัญ ทั้ง Telemedicine ใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ระบบดูแลคลินิกและปฐมภูมิ ฯลฯ แพทยสภาพร้อมร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมและร่วมพัฒนาหมอพร้อมทุก Platform กับทุกสภาวิชาชีพเพื่ออำนวยความสะดวกแก่สมาชิกและประชาชน

ด้าน ทพ.พลาวัสถ์ เลาหรุ่งพิสิฐ รองเลขาธิการทันตแพทยสภา กล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะทำให้ประชาชนเข้าถึงระบบบริการทันตกรรมดิจิทัลได้ในอนาคตอันใกล้ สิ่งสำคัญที่สุดของการทำ Digital Health Platform คือความร่วมมือของสภาวิชาชีพต่างๆ ในการเชื่อมโยงเครือข่าย แลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูลร่วมกัน หากทำได้สำเร็จประโยชน์จะอยู่กับประชาชน

ทั้งนี้ ช่วงการระบาดของโควิดที่ผ่านมา เครือข่ายวิชาชีพทันตกรรมได้จัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครใช้ Line หมอฟันไทยสู้ภัยโควิดขึ้น เพื่อให้คำปรึกษากับประชาชนที่มีปัญหาในช่องปาก ประสานหาคลินิกทันตกรรมกรณีฉุกเฉิน ซึ่งต่อไป Teledentistry จะมีบทบาทอย่างมากในการช่วยให้คนไข้ปรึกษาพูดคุยกับทันตแพทย์ ส่งต่อข้อมูลภาพถ่ายรังสีและการรักษาได้ ซึ่งทันตแพทยสภามีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลสุขภาพช่องปากส่วนบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ “Personal Dental Health Record” ที่ประชาชนจะเป็นเจ้าของข้อมูลสุขภาพช่องปาก รู้ว่าได้รับการรักษาอะไรมาบ้าง รู้ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่องปาก และมีการสื่อสารที่เฉพาะเจาะจงกับบุคคลรวมถึงข้อมูลสุขภาพช่องปากส่วนบุคคลจะเป็นประโยชน์มากในการช่วยพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลด้วย

รศ.(พิเศษ) ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า ข้อมูลบริการที่สภาเภสัชกรรม จะนำเข้าในระบบหมอพร้อม ได้แก่

  1. ข้อมูลร้านยาทั่วประเทศ พิกัดและรายขื่อเภสัชกรที่ปฏิบัติการประจำร้าน
  2. ข้อมูลร้านยาคุณภาพที่สภาเภสัชกรรมรับรอง
  3. ข้อมูลร้านยาที่เข้าร่วมระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น ร้านยาใกล้บ้านใกล้ใจ ตามโครงการลดความแออัดในโรงพยาบาล และร้านยาที่ร่วมในการให้บริการด้านสร้างเสริมสุขภาพต่างๆ เช่น การแจกยาคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย และ ATK ประชาชนกลุ่มเสี่ยง เป็นต้น
  4. ร้านยาที่ให้บริการ Home Isolation ดูแลผู้ป่วยโควิค
  5. ร้านยาเภสัชอาสาพาเลิกบุหรี่ ที่ให้บริการการเลิกบุหรี่ ร่วมกับ สสส.
  6. Plug in ระบบ Real time pharmacist app (ร้านยาที่มีเภสัชกรปฏิบัติหน้าที่อยู่ในขณะที่ค้นหา)
  7. ร้านยาที่ให้บริการและให้คำปรึกษาในระบบเภสัชกรรมทางไกล (Telepharmacy)
  8. การเชื่อมต่อร้านยาเข้าเป็นเครือข่ายระบบบริการปฐมภูมิของกระทรวงสาธารณสุข (ในโอกาสต่อไป) และ
  9. ข้อมูลความรู้ด้านยาแก่ประชาชน

ทนพ.สมชัย เจิดเสริมอนันต์ นายกสภาเทคนิคการแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สภาเทคนิคการแพทย์มีการพัฒนาในระบบหมอพร้อมแล้วหลายเรื่อง โดยในเดือนมีนาคม 2565 จะพัฒนาระบบการนัดหมาย และการแจ้งเตือนใหม่ ผ่านระบบ Hotline Medtech เพื่อรองรับการให้คำปรึกษา TeleATK การบันทึกผลงานวิ่งบางแสน 42 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 มีนาคมนี้ เริ่มพัฒนา Code TMLT สำหรับการส่งตรวจแล็บจากคลินิกเวชกรรมและรายงานผลแล็บผ่านระบบหมอพร้อม โดยเลือกกลุ่มรายการแล็บตรวจสุขภาพ กลุ่มรายการแล็บที่เกี่ยวกับ Long Covid เพื่อบันทึกผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแสดงผลเป็นประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ และร่วมพัฒนาระบบ MOPH-LAB Laboratory Request Center พัฒนาเชื่อมต่อระบบการส่งข้อมูลแล็บกับหน่วยบริการปฐมภูมิของรัฐ เอกชน สู่โรงพยาบาล โดยมีผู้แทนเทคนิคการแพทย์จากสำนักงานเขตสุขภาพที่ 8 เป็นหน่วยบริการนำร่องร่วมกับหมอพร้อม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มี.ค. 65)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top