ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าไทย มี.ค.ลดลงทุกภาค กังวลรายได้,กำลังซื้อหด ผลพวงรัสเซีย-ยูเครน

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) ประจำเดือนมี.ค. 65 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจและหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ในระหว่างวันที่ 22-29 มี.ค. 65 โดยดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 35.5 ลดลงจากระดับ 36.1 ในเดือนก.พ. 65

โดยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ในแต่ละภูมิภาค เป็นดังนี้

– กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดัชนีฯ อยู่ที่ 34.7 ลดลงจากเดือนก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 35.4

– ภาคกลาง ดัชนีฯ อยู่ที่ 36.7 ลดลงจากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 37.2

– ภาคตะวันออก ดัชนีฯ อยู่ที่ 39.1 ลดลงจากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 39.8

– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 35.7 ลดลงจากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 36.2

– ภาคเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 34.9 ลดลงจากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 35.5

– ภาคใต้ ดัชนีฯ อยู่ที่ 33.3 ลดลงจากเดือน ก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 33.9

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยลดลงในทุกภาค โดยจะเห็นได้ว่ามีการปรับเปลี่ยนมุมมองความกังวลจากเดิมในเรื่องการระบาดของโอมิครอน มาเป็นความกังวลต่อสถานการณ์ค่าครองชีพ จากปัญหาน้ำมันแพง และราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งในรัสเซียและยูเครน

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกับดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือน มี.ค. 65 มีดังนี้

  • ปัจจัยลบ ได้แก่

1. ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย

2. ความกังวลต่อกาปรับให้โรคโควิด-19 เข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น

3. ราคาสินค้าบางรายการ โดยเฉพาะวัตถุดิบมีราคาสูง ส่งผลต่อค่าครองชีพ กำลังซื้อของประชาชน และรายได้ของธุรกิจ

4. ความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน และจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มสูง

5. ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น

6. เงินบาทปรับตัวอ่อนค่า จากระดับ 32.674 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นก.พ.65 มาเป็นระดับ 33.252 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นมี.ค.65

7. การปรับนโยบายและแนวทางการรักษาแก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน

  • ปัจจัยบวก ได้แก่

1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง

2. ศบค. ปรับมาตรการสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ประเภท Test & Go, Sandbox และ Alternative Quarantine โดยให้ยกเลิกการตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมง และปรับลดการกักตัวเหลือ 5 วัน

3. กระทรวงการคลัง เผยยอดใช้จ่ายสะสม 3 โครงการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ รวมกวา 6.12 หมื่นล้านบาท

4. การส่งออกของไทยเดือน ก.พ. 64 ขยายตัว 16.2% มูลค่า 23,483 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

5. ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น หรือทรงตัวในระดับที่ดี โดยเฉพาะข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในการแก้ไขปัญหา มีดังนี้

1. มาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายของภาคธุรกิจ และประชาชน

2. ลดต้นทุนภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์รัสเซียและยูเครน รวมทั้งระดับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น

3. การเร่งเปิดประเทศ หรือลดขั้นตอนในการเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ

4. การเร่งให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

5. กระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนภายในประเทศ และส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดในรูปแบบที่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว

6. ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ลงทุนในสิ่งใหม่ๆ ให้มีความต่อเนื่องให้มีความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 เม.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top