EPG เป้ายอดขายปี 65/66 โตรับศก.ฟื้น-ยานยนต์โต-ควบรวมกิจการในออสเตรเลีย

นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้ชเป้ายอดขายงวดปี 65/66 (1 พ.ค. 65 – 30 เม.ย. 66) เติบโต 12-15% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.17 หมื่นล้านบาท โดยที่มาจากการฟื้นตัวของของเศรษฐกิจ หลังจากโควิด-19 คลี่คลายลงไปมาก ทำให้เปิดเมืองและเปิดประเทศมากขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กลับมาดีขึ้น และการที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เริ่มเติบโตมากขึ้น ส่งผลหนุนต่อธุรกิจของบริษัท โดยที่ปัจจุบันปริมาณออเดอร์สั่งผลิตของลูกค้าที่เข้ามาในโรงงานของบริษัททั้ชในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และแอฟฟริกา มีปริมาณที่เข้ามามากอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นสัญญาณที่ดีต่อการเติบโตของยอดขาย

โดยที่ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10 – 12% มาจากการรักษาส่วนแบ่งการตลาดสำหรับสินค้าเกรดพรีเมี่ยมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น พร้อมแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ๆ ซึ่งผ่านมาตรฐานการรับรองความปลอดภัย สำหรับการลงทุนใน Aeroflex USA Inc. สหรัฐอเมริกา เพื่อขยายกำลังการผลิตได้นำเครื่องจักรระบบอัตโนมัติความเร็วสูงมาใช้เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดความเสี่ยงในการพึ่งพาแรงงาน และ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปัจจุบัน Aeroflex USA Inc. สหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิตที่ 8,000 ตันต่อปี ส่งผลให้สามารถขยายตลาดไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และ ระบบ Air Ducting system

การใช้พลังงานเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งกิจกรรมการใช้พลังงานก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ดังนั้น Aeroflex จึงตั้งเป้าหมายระยะยาว ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero ภายในปี 85 โดยในปีบัญชี 65/66 (เม.ย.65 – มี.ค. 66) ได้จัดทำมาตรการอนุรักษ์พลังงานเชิงรุก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานขององค์กรพร้อมติด Solar Roof top มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 4 เมกาวัตต์ ขณะเดียวกันบริษัทย่อยอื่น เช่น Aeroklas และ EPP ได้มีการติดตั้ง Solar Roof top เช่นกัน จึงทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 18 เมกะวัตต์และสามารถดูดกลับก๊าซเรือนกระจก 13,500 ton Co2eq อีกทั้ง สามารถประหยัดค่าไฟฟ้ารวมประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 20-23% โดยยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับลูกค้ากลุ่ม OEM ค่ายยานยนต์ของยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้ช่องทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Aeroklas ประกอบด้วยลูกค้ากลุ่ม OEM ODM และ After Market ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ Aeroklas ได้รับประโยชน์จากที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก กำลังมุ่งไปทางยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตยานยนต์ต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีมาตรฐานสูง ปลอดภัย และน้ำหนักเบา

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการยานยนต์ประเภท Light Commercial Vehicle และ SUV ในออสเตรเลีย โดยเมื่อ 1 เม.ย. 65 TJM Products Pty.Ltd. (TJM) ออสเตรเลีย เปลี่ยนชื่อเป็น Aeroklas Asia Pacific Group (AAPG) โดยมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเสริมการทำงานร่วมกันของธุรกิจและทุกแบรนด์ในออสเตรเลียในอนาคต ประกอบกับการเข้าซื้อกิจการ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ที่เพิ่งประกาศให้ทราบล่าสุด ด้วยวงเงินมูลค่าการเข้าซี้อกิจการที่ 1.8 พันล้านบาท จะเป็นส่วนหนึ่งในการเข้ามาเติมช่องว่างทางการตลาดของกลุ่มสินค้าในตลาดระดับกลาง จากการที่บริษัทมีกลุ่มสินค้าในธุรกิจด่งกล่าวระดับพรีเมียมในไลน์สินค้า Suspension รวมถึงเกิด synergy ในการลดต้นทุน และ เพิ่มรายได้กับธุรกิจในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5-8% โดยยังคงให้ความสำคัญกับการนำกลยุทธ์ Capacities Driven มาบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ EPP ผ่านการสื่อสารแบบออนไลน์ และ ออฟไลน์ รวมทั้ง สร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์นวัตกรรมได้หลากหลายชนิดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและการใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้บริษัทยังทำงานด้านวิจัยและพัฒนาของบริษัท อีพีจี อินโนเวชัน เซ็นเตอร์ จำกัด ไม่เพียงแต่สนับสนุนธุรกิจหลักทั้ง 3 ธุรกิจ ด้วยการสร้างสินค้านวัตกรรม New S-Curve แต่ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสินค้านวัตกรรมสำหรับกลุ่มธุรกิจใหม่ในอนาคต รวมถึงวางแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตรองรับออเดอร์ที่เข้ามามากขึ้น โดยขางงบลงทุนในส่วนนี้ไว้ที่ 802 ล้านบาท ในปี 65/66 ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความสนใจในการมองหาโอกาสในการกลับเข้าไปลงทุนใยยุโรปอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทได้พบเจอเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับบริษัทได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา

ทั้งนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้อยู่ที่ 25-32% โดยการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดีต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top