DMT ปักธงรายได้ปีนี้โต 50% แตะ 1.9 พันลบ.จากปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นหลังเปิดปท.

นายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ค่าผ่านทางในปีนี้อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท คิดเป็นรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 5.25 ล้านบาทต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มปริมาณจราจรในไตรมาสถัดไป และคาดการณ์ปี 65 ปริมาณจราจรยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกที่ภาครัฐสร้างความมั่นใจให้เกิดกิจกรรมการเดินทาง

โดยการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในการเดินทางเข้าประเทศ การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งการเดินทางจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ และทุกภาคส่วนก็มีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่กับการระบาดของโควิด-19 ในระยะต่อไป และปัจจัยบวกที่ยังคงต้องติดตามคือการเติบโตที่เกิดจากการเดินทางของสนามบินดอนเมือง ถ้าหากภาครัฐเปิดให้สายการบินระหว่างประเทศกลับมาบินที่สนามบินดอนเมือง ก็จะทำให้ปริมาณจราจรบนทางยกระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับความคืบหน้าการร่วมประมูล 3 โครงการคือ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ดอนเมืองโทล์ลเวย์ ช่วงรังสิต-บางปะอิน (M5) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว (M82) และโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วม เมื่อวันที่ 11 ก.ค.65 โดย กทพ. ได้ดำเนินการประเมินความสนใจของนักลงทุน (Opinion Hearing) โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง ครั้งที่ 1 เพื่อนำไปประกอบการจัดทำสาระสำคัญของร่างประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน เป็นไปตามขั้นตอนพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 คาดว่าจะจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ประมาณเดือนพ.ย.65 และเดือนมี.ค.66

นายธานินทร์ พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/65 บริษัทฯ มีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 423.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 171.60 ล้านบาทหรือ 68% จากปริมาณจราจรบนทางยกระดับที่เพิ่มขึ้น 65% ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 187.99 ล้านบาท หรือ 158% เนื่องมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานลดลง

มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 186.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 123.08 ล้านบาท หรือ 195% เนื่องมาจากในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ ไม่มีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 0.07 เท่า

สรุปภาพรวมปริมาณจราจรของทางยกระดับดอนเมือง ไตรมาสที่ 2/2565 ส่วนสัมปทานเดิมเฉลี่ยต่อวัน 48,208 คันต่อวัน ส่วนสัมปทานตอนต่อขยายด้านทิศเหนือ เฉลี่ยต่อวัน 31,279 คันต่อวัน เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่ 1/65 ที่มีปริมาณจราจรส่วนสัมปทานเดิมเฉลี่ย 40,539 คันต่อวัน ส่วนสัมปทานตอนต่อขยายด้านทิศเหนือเฉลี่ย 27,621 คันต่อวัน คิดเป็นเพิ่มขึ้นที่ 18.9% และ 13.2% ตามลำดับ โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/64 ช่วงเริ่มต้นของการระบาดระลอกใหม่เดือนเม.ย.64 มีปริมาณจราจร ส่วนสัมปทานเดิมเฉลี่ย 27,897 คันต่อวัน ส่วนสัมปทานตอนต่อขยายด้านทิศเหนือเฉลี่ย 20,254 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นที่ 72.8% และ 54.4% ตามลำดับ

“ปัจจัยบวกในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.65 ที่ผ่านมา การเปิดภาคเรียน Onsite และการปรับลดมาตรการต่าง ๆ ในการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยว ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย อีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการเปิดใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ (Electronic Toll Collection System) เพื่อให้ผู้ใช้บริการทางยกระดับได้รับความสะดวกรวดเร็ว และให้ความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้านความปลอดภัยที่บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงและพัฒนา เป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ปริมาณการจราจรในไตรมาส 2/65 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/65 ในอัตรา 16.6% และเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/64 เพิ่มขึ้นในอัตรา 65.1% เนื่องจากในไตรมาสที่ 2/65 ไม่มีมาตรการการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19” นายธานินทร์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 330.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 124.19 ล้านบาท หรือ 60% และมีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 778.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143.62 ล้านบาท หรือ 23% โดยสาเหตุที่ผลประกอบการเติบโตอย่างโดดเด่นมาจากรายได้ค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่าย (ไม่รวมต้นทุนการตัดจ่ายสัมปทานและภาษีเงินได้นิติบุคคล) ได้เป็นจำนวน 52.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.7% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกในปี 64 ต้นทุนทางการเงินปรับลดลงเป็นจำนวน 20.19 ล้านบาทจากการจ่ายชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวกับสถาบันการเงินครบทั้งจำนวนในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 65 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนและรับชำระแล้วจำนวน 1,181.23 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นปัจจุบันเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 118.12 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 25 ส.ค.65 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 ส.ค.65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 ก.ย.65

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top