ฮ่องกงไฟเขียวนักท่องเที่ยวเข้าสถานที่ต่างๆได้แต่ต้องใส่แมสก์เริ่ม 17 พ.ย.

นางลิบบี ลี ฮา-ยุน รมช.สาธารณสุขของฮ่องกงเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) ว่า ทางการฮ่องกงจะผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมโรคโควิด-19 ในสัปดาห์หน้า เพื่ออนุญาตให้ผู้ที่เดินทางมายังฮ่องกงสามารถเข้าเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ได้ เช่น สวนสนุก, พิพิธภัณฑ์ และศูนย์แสดงนิทรรศการ รวมทั้งผ่อนปรนข้อกำหนดเกี่ยวกับการแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชาวฮ่องกงด้วย

นางลิบบีกล่าวว่า รัฐบาลฮ่องกงได้ตัดสินใจใช้กฎระเบียบใหม่ โดยพิจารณาจากอัตราความเสี่ยงของการแพร่ระบาดที่ลดลงในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการบังคับให้สวมใส่หน้ากากอนามัย นอกจากนี้ ยังพิจารณาจากการที่โรงพยาบาลของรัฐเริ่มกลับมาให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันที่เริ่มทรงตัว และยอดผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยหลังจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการไปก่อนหน้านี้

“ประชาชนที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องถอดหน้ากากอนามัยออก เช่น การรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มนั้น มีโอกาสมากขึ้นที่จะติดเชื้อ เราเชื่อว่าการทำเช่นนั้นมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาด และในทางกลับกัน การทำกิจกรรมที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลานั้นมีความเสี่ยงต่ำกว่า”

“ด้วยเหตุนี้ เราจึงมองเห็นโอกาสที่จะเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในสถานที่ซึ่งยังคงมีการสวมหน้ากากอนามัยต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน”

นางลิบบีกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ผู้ที่เดินทางเข้าฮ่องกงจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการการเดินทางแบบ 0+3 ซึ่งหมายความว่านักเดินทางจะต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังทางการแพทย์เป็นเวลา 3 วัน และถูกจำกัดการเดินทางในฮ่องกง

นอกจากนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าฮ่องกงจะได้รับรหัสสุขภาพสีเหลือง (amber health code) และถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่กำหนดว่าจะต้องแสดงเอกสารการฉีดวัคซีน เช่น ร้านอาหารและสถานบันเทิงยามค่ำคืน แต่จะสามารถเข้าไปในศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งสามารถไปทำงานและไปโรงเรียนได้

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.นี้เป็นต้นไป ผู้ที่เดินทางเข้าฮ่องกงภายใต้มาตรการ 0+3 นี้ จะได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่มีข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งสถานที่เหล่านั้นรวมถึงสวนสนุก, พิพิธภัณฑ์, ศูนย์แสดงนิทรรศการ, ร้านเสริมสวย และศาสนสถาน แต่จะถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ซึ่งอนุญาตให้มีการรับประทานอาหาร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top