ยอดแห่ถอนคริปโทฯจากไบแนนซ์พุ่งแตะ 1.9 พันล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมง

นานเซน (Nansen) บริษัทข้อมูลบล็อกเชนระบุเมื่อวันอังคาร (13 ธ.ค.) ว่า ไบแนนซ์ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลก เผชิญกับการแห่ถอนคริปโทฯ ถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่ไบแนนซ์ประกาศว่า ได้ระงับการถอนเหรียญสเตเบิล USDC เป็นการชั่วคราว

รายงานระบุว่า การถอนเหรียญคริปโทฯ 1.9 พันล้านดอลลาร์ดังกล่าวนับเป็นการถอนรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. โดยคิดเป็นสัดส่วนส่วนใหญ่ของเงินทุนที่ไหลเข้าตลอด 7 วันที่ผ่านมา

เมื่อวานนี้ ไบแนนซ์ประกาศว่า บริษัทได้ระงับการถอนเหรียญสเตเบิลคอยน์ USDC ขณะที่ดำเนินการสวอปเหรียญโทเคน เพื่อเปลี่ยนเหรียญสเตเบิลประเภทอื่น ๆ เช่น PAX หรือ BUSD เป็น USDC เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการถอน USDC ของนักลงทุน

“นักลงทุนแห่ถอนคริปโทฯ ออกจากไบแนนซ์สูงขึ้น เพราะความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับรายงานทุนสำรอง”

โฆษกของนานเซน กล่าว

ขณะที่นายจ้าว ฉางเผิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบแนนซ์โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “การถอนคริปโทฯ ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องของธุรกิจตามปกติ วันนี้เราเห็นการถอนเงินสุทธิ 1.14 พันล้านดอลลาร์ แต่เราเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน บางวันเราก็เผชิญการถอนสุทธิ บางวันเราก็เผชิญการฝากสุทธิ”

ส่วนโฆษกไบแนนซ์กล่าวว่า บริษัทมีทุนสำรองเพื่อรองรับการถอนเงินมากเกินพอเสมอ โดยสินทรัพย์ของผู้ใช้งานไบแนนซ์นั้นมีทุนสำรองในสัดส่วน 1:1 และโครงสร้างทุนของไบแนนซ์นั้นปลอดหนี้สิน

เมื่อถูกถามว่าไบแนนซ์มีเหรียญ USDC เพียงพอสำหรับให้นักลงทุนถอนหรือไม่ โฆษกไบแนนซ์ระบุว่า บริษัทอาจต้องโยกย้ายทุนจากกระเป๋าออฟไลน์ไปยังกระเป๋าออนไลน์ รวมถึงแปลงเหรียญสเตเบิลคอยน์ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง หรือปรับปรุงเครือข่าย ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกิดความล่าช้า

อย่างไรก็ดี ไบแนนซ์ได้ออกมาประกาศผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อเวลา 23.54 น.ของวานนี้ตามเวลาในไทยว่า ผู้ใช้งานสามารถกลับมาถอนเหรียญ USDC ได้ตามปกติดังเดิมแล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปัจจุบันบรรดาผู้ใช้งานและหน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโทฯ เช่น ไบแนนซ์ และเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นคู่แข่งที่ปัจจุบันประสบปัญหาล้มละลาย ในการรับมือกับการฝากเหรียญคริปโทฯ ของลูกค้า โดยนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้ง FTX ได้ถูกสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ตั้งข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนเมื่อวานนี้

ไบแนนซ์พยายามเรียกความเชื่อมั่นในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการโพสต์รายงานทุนสำรองที่จัดทำโดยมาซาร์ส (Mazars) ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีผ่านทางบัญชีทวิตเตอร์ โดยรายงานฉบับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ไบแนนซ์ถือครองบิตคอยน์ในจำนวนมากกว่าที่ลูกค้าฝากเอาไว้ในวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top