“เพโลซี” ยังไม่ชัวร์ ส.ส.สหรัฐจะผ่านร่างกม.แบนติ๊กต๊อกในอุปกรณ์รัฐหรือไม่

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวเมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.) ว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะอนุมัติร่างกฎหมายห้ามมิให้พนักงานของรัฐใช้ติ๊กต๊อก (TikTok) บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของรัฐบาลหรือไม่

นางเพโลซีเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวันก่อนหน้า (14 ธ.ค.) ว่า “เรากำลังตรวจสอบกับฝ่ายบริหารในด้านเนื้อหา แต่ไม่ได้คัดค้านแนวคิดนั้น ดิฉันไม่รู้ว่าวาระการประชุมในสัปดาห์หน้าจะมีอะไรบ้าง แต่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง”

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรจะต้องผ่านร่างดังกล่าวก่อนสิ้นสุดวาระการประชุมรัฐสภาสมัยปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะสิ้นสุดในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่คณะกรรมาธิการด้านการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐ (CFIUS) พยายามบรรลุข้อตกลงด้านความมั่นคงแห่งชาติในการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานติ๊กต๊อกที่มีมากกว่า 100 ล้านราย อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าจะไม่มีการบรรลุข้อตกลงก่อนสิ้นปีนี้

CFIUS กล่าวว่า ตนหวังว่าแทนที่จะแค่เดินเรื่องแบนติ๊กต๊อกในอุปกรณ์ของรัฐ นายจอช ฮอว์ลีย์ ส.ว.จากพรรครีพับลิกัน จะเรียกร้องให้รัฐบาลไบเดนเร่งบรรลุข้อตกลงที่จะช่วยแก้ไขข้อกังวลของนายฮอว์ลีย์จริง ๆ

ทั้งนี้ นายฮอว์ลีย์เป็นผู้สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว โดยระบุว่า ติ๊กต๊อกคือม้าโทรจันของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นับเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ของสหรัฐ และตราบใดที่แพลตฟอร์มนี้ยังไม่ตัดสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดกับจีน ก็จะถูกห้ามใช้อย่างเด็ดขาดบนอุปกรณ์ของรัฐบาลเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ติ๊กต๊อกให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าวของวุฒิสภาสหรัฐว่า “ไม่ได้ช่วยเพิ่มผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติสหรัฐแต่อย่างใด”

ด้านนายดิก เดอร์บิน ส.ว.จากพรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเลิกใช้ติ๊กต๊อก โดยกล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ MSNBC ว่า “บางทีอเมริกาอาจมาถึงจุดที่เราตระหนักได้สักทีว่า เรามีก้นบึ้งของความลับ ความเป็นส่วนตัว และความมั่นคงเป็นเดิมพัน”

ก่อนหน้านี้ รัฐนอร์ทดาโคตา, ไอดาโฮ, ไอโอวา และอีกหลาย ๆ รัฐ ร่วมแบนการใช้ติ๊กต๊อกในอุปกรณ์ของรัฐ เนื่องจากกังวลว่าติ๊กต๊อกและไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ จะดึงข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐแล้วส่งไปให้กับรัฐบาลจีน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top