หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ ยังกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อ-Fund Flow ไหลออกกดดัน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยใหม่ ยังกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ประกอบกับแรงกดดัน Fund Flow ต่างชาติไหลออก ส่งผลดัชนีพักตัว แต่อาจมีแรงหนุนเข้ามาได้บางช่วงหากมีหุ้นใหญ่ประกาศงบฯดีออกมา พร้อมให้แนวต้าน 1,675-1,680 จุด แนวรับ 1,660-1,665 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน และยังมีความกังวลในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ประกอบกับยังไม่มีการส่งสัญญาณของประธานเฟดที่ชัดเจนออกมาในเรื่องของการหยุดขึ้นดอกเบี้ย

ขณะเดียวกันยังมี Fund Flow ไหลออกกดดัน ทำให้ดัชนียังเป็นการพักตัวอยู่ แต่อาจจะมีแรงหนุนเข้ามาได้บางช่วงหากมีหุ้นใหญ่ที่ประกาศผลการดำเนินงานที่ดีออกมา ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภลคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ที่พลิกกลับมาปรับตัวลง

โดยให้แนวต้าน 1,675-1,680 จุด แนวรับ 1,660-1,665 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (9 ก.พ.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,699.88 จุด 249.13 จุด หรือ -0.73%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,081.50 จุด ลดลง 36.36 จุด หรือ -0.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,789.58 จุด ลดลง 120.94 จุด หรือ -1.02%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,711.25 จุด เพิ่มขึ้น 126.9 จุด หรือ +0.46%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 21,559.44 จุด ลดลง 64.92 จุด หรือ -0.3%, และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,266.44 จุด ลดลง 3.94 จุด หรือ -0.12%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.พ.66) 1,669.17 จุด ลดลง 1.17 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 63,487.16 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,344.38 ลบ.เมื่อวันที่ 9 ก.พ.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. (9 ก.พ.) ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 78.06 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ก.พ.) อยู่ที่ 7.50 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.65 อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค นลท.เกาะติดเงินเฟ้อสหรัฐสัปดาห์หน้า

– “สมาคมโรงแรมไทย” แนะ นายกฯ คนใหม่เร่งเกียร์เศรษฐกิจไทย กำกับ “ภาคท่องเที่ยว” ยกเป็น “วาระแห่งชาติ” พุ่งเป้า ทัวริสต์ต่างชาติ 80 ล้านคนเทียบ “ฝรั่งเศส” ใน 5 ปีข้างหน้า “บำรุงราษฎร์” เผยตลาด “เมดิคัล ทัวริสต์ซึ่ม” ทั่วโลกสะพัดกว่า 53 ล้านดอลลาร์ ตลาด “เวลเนสส์” คาดโตพุ่ง 7 ล้านล้านล้านดอลลาร์ แนะดันทั้ง 2 เซ็กเมนต์ เคลื่อนเศรษฐกิจไทย “หอการค้าไทย” เผยส่งออกอาหารไทยยังสดใส มีศักยภาพ ผลิตอาหารตอบโจทย์เทรนด์โลก

– “ศุภชัย” เตือนไทยรับมือ “โพลีไครซิส” ชี้โลกตื่นตัวความตึงเครียดจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงคราม เงินเฟ้อและสภาพภูมิอากาศ พร้อมแนะเตรียมแผนรับมือ “พลังงาน-โลกร้อน” เตือนไทยต้องพยายามสู้บนเวทีโลก ไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงตามสหรัฐ แนะเร่งดึงการลงทุนให้ถึง 20% ของจีดีพี รักษาตำแหน่งผู้นำการผลิตอาหารโลก

– ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สำรวจตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 2,244 คน ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ แสดงว่าผู้บริโภคเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.66 อยู่ที่ 51.7 จาก 49.7 ในเดือน ธ.ค.65 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และสูงสุดในรอบ 26 เดือน นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.63, ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบันอยู่ที่ 36.3 เพิ่มจาก 34.6, ดัชนีเชื่อมั่นในอนาคตอยู่ที่ 59.2 เพิ่มจาก 56.9 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 46.0 เพิ่มจาก 43.9, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 49.0 เพิ่มจาก 47.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 60.2 เพิ่มจาก 58.1 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ

หุ้นเด่นวันนี้

– CRC (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 47.00 บาท ลุ้นรายได้ ครึ่งปีแรกปี 66 ดีกว่าที่ตลาดประเมิน ได้แรงหนุนจากการบริโภคในประเทศและต่างชาติ ด้านรายได้ปี 66 คาดโตไม่น้อยกว่า +7%YoY แม้ฐานปีก่อนจะสูง หุ้นสาย Defensive ที่ได้ประโยชน์จากทั้ง Domestic Demand และ Pend up demand จากต่างชาติ แนวโน้มของราคาหุ้นแข็งแรงแม้ตลาดจะผันผวนสูง DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 5.76 พัน ลบ. และ 8.4 พัน ลบ. +9601%YoY, +46%YoY ตามลำดับ

– HTC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.00 บาท ประเมินภาพการดำเนินงานในปี66 จะสามารถฟื้นตัวได้ดีโดยในฝั่งของรายได้มีแรงหนุนจาก Covid-19 คลี่คลาย การกลับมาของนักท่องเที่ยว การปรับราคาสินค้าขึ้น และ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ(ต.ค65) นอกจากนี้ทางบ.เองยังจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50%(จาก 58 MPC/ปี เป็น 91 MPC/ปี) ด้านฝั่งมาร์จิ้น คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนที่ผ่อนคลายขึ้น ทั้งต้นทุนเชื้อเพลิง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 จะอ่อนตัวจากปี 64 ที่ 2.66 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 2.27 บาท/หุ้น, แต่ EPS จะกลับมาฟื้นตัวได้ดีในปี66 ที่ 2.70 บาท/หุ้น ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.พ. 66)

Tags: , ,
Back to Top