หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ตามภูมิภาค คลายกังวลปัญหาแบงก์-จับตาประชุมเฟด

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ จากนักลงทุนคลายกังวลปัญหาภาคธนาคารในสหรัฐและยุโรปมากขึ้น หลังได้รับการแก้ไขปัญหาจากภาครัฐ และความกังวลต่อ AT1 ก็น่าจะลดลง จากมีผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ของไทยจำกัด อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากการยุบสภา ให้แนวรับไว้ที่ 1,550 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับปัญหาภาคธนาคารในต่างประเทศมากขึ้น หลังได้รับการแก้ไขปัญหาเป็นรายธนาคาร อีกทั้งความกังวลต่อตราสารทางการเงินที่นับเป็นกองทุนสำรองส่วนเพิ่มชั้นที่ 1 (Additional Tier 1 หรือ AT1) ก็น่าจะลดลง จากผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ของไทยจำกัด

อย่างไรก็ตามยังคงต้อง wait and see ปัญหาภาคธนาคารอยู่ และติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ในวันที่ 21-22 มี.ค.นี้ โดยนักลงทุนให้น้ำหนักในการคงอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น

ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศตลาดน่าได้แรงหนุนจากการยุบสภา คาดจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น อาหารและเครื่องดื่ม, ค้าปลีก, โรงไฟฟ้า เป็นต้น รวมถึงกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็น่าจะรีบาวด์ด้วย

ให้แนวรับไว้ที่ 1,550 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,244.58 จุด พุ่งขึ้น 382.60 จุด หรือ +1.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,951.57 จุด เพิ่มขึ้น 34.93 จุด หรือ +0.89% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,675.54 จุด เพิ่มขึ้น 45.02 จุด หรือ +0.39%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,118.87 จุด เพิ่มขึ้น 118.16 จุด หรือ +0.62% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,240.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.93 จุด หรือ +0.18% ส่วนตลาดหุ้นโตเกียวปิดทำการวันนี้เนื่องในวันวสันตวิษุวัต หรือวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 มี.ค.66) 1,555.45 จุด ลดลง 8.22 จุด (-0.53%) มูลค่าการซื้อขาย 62,843.04 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,542.47 ลบ.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (20 มี.ค.)เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.64 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 มี.ค.) อยู่ที่ 8.53 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.04 แข็งค่าจากวานนี้ ตลาดจับตาทิศทางดอกเบี้ยเฟด

– ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ “พระราชกฤษฎีกายุบสภา” เดินหน้าโหมดเลือกตั้ง “กกต.” จ่อถกเคาะวันหย่อนบัตร คาด 14 พ.ค.ใช้สิทธิทั่วประเทศ “วิษณุ” ชี้นายกฯ-ครม. ทำหน้าที่ต่อจนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ ขณะที่ กกต. หวังศาลปกครองชี้ขาดปมแบ่งเขตทิศทางเป็นบวก

– “หอการค้า” ขอให้มีรัฐบาลใหม่เร็ว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทันสถานการณ์ สานต่อนโยบาย เตรียมจัดดีเบต เศรษฐกิจ 10 พรรค 30 มี.ค.นี้ ส.อ.ท.ชี้ต้องไม่เน้น ประชานิยม “เทคคอมพานีไทย” มองบวก เพิ่มความเชื่อมั่นประเทศ “อินเด็กซ์” หวังรัฐบาลใหม่เร่งรัดงบประมาณรายจ่าย 2566 กระตุ้นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว “เซ็นทารา” หวังเห็นนโยบายท่องเที่ยว สมาคมอสังหาฯ แนะรัฐบาลใหม่ปรับวิธีคิดการทำงาน สถานการณ์การเมืองได้เข้าสู่สนามเลือกตั้ง หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาในวันที่ 20 มี.ค.2566 และคาดการณ์ว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.2566 โดยรัฐบาลปัจจุบันจะรักษาการไปจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่

– ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ รวมมูลค่า 56,615 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งโครงสร้างพื้นฐานในด้านพลังงานของประเทศ เช่น โครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มูลค่าเงินลงทุน 32,710 ล้านบาท และโครงการโรงไฟฟ้าระบบโคเจเนอเรชัน ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างไทยและสิงคโปร์ มูลค่าเงินลงทุน 5,005 ล้านบาท

– ธปท.เปิดเผยถึงกรณีที่สถาบันการเงินในต่างประเทศทั้งสหรัฐ และสวิตเซอร์แลนด์ กำลังมีปัญหา ว่า ธปท. ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวใกล้ชิด และประเมินว่าผลกระทบจากเหตุการณ์ข้างต้นต่อระบบการเงินไทยมีจำกัด จากธุรกรรมของภาคธนาคารและกองทุนประเภทต่างๆ ที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะเดียวกัน การกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่เข้มงวด โดยบังคับใช้เกณฑ์ด้านเงินกองทุนและสภาพคล่องกับธนาคารทุกแห่ง ขณะที่บางประเทศ เช่น สหรัฐ เน้นการกำกับดูแลที่เข้มงวดกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญเป็นหลัก ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและเล็ก การบังคับใช้เกณฑ์บางอย่าง เช่น เกณฑ์สภาพคล่อง จะไม่เข้มงวดเท่า

 

หุ้นเด่นวันนี้

– AMATA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 28 บาท ผู้บริหารมองบวกเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินปีนี้อีก 50% จาก 1,500 เป็น 2,250 ไร่ คาดหวังดีมานด์เร่งตัวขึ้นจากกลุ่มธุรกิจ EV Car, Renewable Energy และ Logistic

– BGRIM (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 48.75 บาท ระยะถัดไปคาดว่าจะได้ปัจจัยหนุนจากต้นทุนก๊าซฯ ที่ทยอยลดลงจากสัดส่วนการใช้ก๊าซฯ ในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น และการนำเข้า Spot LNG ลดลง นอกจากนี้ยังได้รับผลบวกจากการประกาศปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือน ม.ค.-มี.ค.+0.6149 บาท/หน่วย ส่วนปี 66 คาดภาระต้นทุนก๊าซฯ ทยอยลดลง YoY จากฐานสูง ขณะที่ค่า Ft มีโอกาสคงค่าไว้ในระดับสูงเพื่อลดภาระหนี้ของ EGAT โดยมีโรงไฟฟ้า SPP replacement 5 แห่ง กำลังการผลิตรวม 479Mwe รับรู้เข้ามาเต็มปี (COD ช่วง 2H65-1Q66) ส่วนความคืบหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โรงไฟฟ้า SPP อีก 2 โครงการ (BGPAT2 และ BGPAT3) กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 196MWe มีกำหนดการ COD ปลายปี 66




โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top