INTERVIEW: GPI เร่งสปีด!! ลุ้นยอดจอง Motor Show พุ่ง 15-20% ดันยอดขาย 3 ปีพันล้าน

กลับมาอีกครั้ง !! กับงานมหกรรมโลกยานยนต์แห่งปี Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 44 ระหว่าง 23 มี.ค.-3 เม.ย.โดย บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (GPI) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Colorful Experience ไฮไลท์หนีไม่พ้นรถ EV เทรนด์ฮิตในปัจจุบัน ยอดจองรถยนต์จากงาน Motor Show รอบนี้คาดโต 15-20% จากปีก่อน 33,000 คัน ขณะเดียวกัน GPI ยังเตรียมเดินหน้าต่อยอดงานอีเว้นท์วงการ Sport & Entertainment พร้อมส่งซิกธุรกิจโรงไฟฟ้าปีนี้กำไรหนุน

งาน Motor Show ปีนี้ภายใต้คอนเซ็ปต์ Colorful Experience

นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ สายพัฒนาธุรกิจ GPI เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า ธีมมอเตอร์โชว์ในปี 66 จะสร้างสีสันด้วยการนำเทคโนโลยีและประสบการณ์ของผู้เข้าชมเข้ามารวมกัน เป็นรูปแบบการจัดงานในปีนี้ ไฮไลท์เด่นคงหนีไม่พ้นรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ที่ผู้คนให้ความสนใจกันอย่างคึกคัก เพราะเทรนด์รถ EV มา 2-3 ปีแล้ว และในปีนี้เป็นปีที่ดีหลังโควิด-19 ผ่านพ้นไป และปัญหาการขาดแคลนชิปและอุปกรณ์ในการผลิตรถยนต์คลี่คลายลง

ภายในงานนี้ ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ต่างๆ พร้อมนำรถ EV หรือรถยนต์ไฮบริดออกมานำเสนอเพื่อให้คนได้จับจองมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้ เป็นค่ายรถยนจ์จากจีนที่เพิ่มเข้ามา เช่น NETA และ BYD ขนทัพรถยนต์ EV เข้ามาเติมเต็ม ทำให้การแข่งขันตลาดรถยนต์ในไทยคึกคัก อีกทั้งมอเตอร์ไซด์ก็มีเข้ามาเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย

วางเป้ายอดขายรถยนต์ในงานโต 15-20%

ในปีนี้บรรดาค่ายรถยนต์ที่เข้ามาออกบูธในงาน Motor Show เพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าเข้ามาส่วนจัดงานในพื้นที่ทั้ง 3 ฮอลล์ จะเห็นว่ามีค่ายรถยนต์กินพื้นที่ 2 ใน 3 ส่วนของปีนี้ และเราก็ขยับปรับทางเดิน รวมถึงพื้นที่การใช้ฮอลล์ให้กลับไปเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 โดยวางเป้าหมายยอดจองรถยนต์จากงาน Motor Show ครั้งที่ 44 คาดหวังเติบโต 15-20% จากยอดจองปีก่อน 33,000 คัน

“งาน Motor Show ก็เป็นงานที่บริษัทรถยนต์ใช้งานนี้ในการสื่อสารนำเสนอรถยนต์ หรือเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ถือเป็นงานแรกของปีที่วัดความต้องการของตลาด เพราะต้นปีถ้าแนวโน้มมาดี ก็เป็นตัวชี้วัดว่าช่วงต่อไปจะเป็นอย่างไร” นายพีระพงศ์ กล่าว

นอกจากงาน Motor Show จะเป็นงานที่ค่ายรถยนต์ต่างนำรถยนต์โมเดลใหม่ ๆ มาจัดแสดงนแล้ว ยังเป็นงานที่ผู้ประกอบการรถยนต์ได้ประโยชน์ในการผลักดันยอดขาย หรือแม้อาจจะขายไม่ได้มากในงานนี้แต่สามารถต่อยอดไปให้ขายในระยะเวลาอื่นได้ โดย GPI พัฒนาประสบการณ์จากผู้เข้ามาชมงานเพื่อตามให้ทันการเปลี่ยนแปลง Lifestyle ของผู้บริโภค และการใช้ชีวิตต่างๆ สร้างจุดขายที่น่าสนใจให้กับคนที่เข้ามาในงาน Motor Show กว่าล้านคน ซึ่งเป็นจุดที่ GPI ต้องการพัฒนามากกว่าการเพิ่มจำนวนคนเข้าชมงาน

มุมมองแนวโน้มรถ EV

การเติบโตของรถ EV ยังเห็นต่อเนื่อง แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีประเด็นเกี่ยวกับค่าซ่อม ค่าบำรุงรักษา และค่าประกันสูง โดยเฉพาะค่าแบตเตอร์รี่ที่เป็นหัวใจของรถ EV แต่ถือว่ารถ EV ยังใหม่ การเซอร์วิสบางอย่างยังมีไม่มาก แต่ในอนาคตเมื่อมีปริมาณการใช้ที่มากขึ้น แพร่หลายขึ้น เชื่อว่าเซอร์วิสในอนาคตก็จะมีทางเลือกมากขึ้นตามไปด้วย รวมถึงความเข้าใจของคนก็มีมากขึ้นด้วย ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลง ซึ่ง GPI ก็ได้มีการพูดคุยให้ข้อคิดเห็นกับทางนายกสมาคมรถยนต์ไฟฟ้าไทยในการแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ EV ด้วยเหมือนกัน

“ตอนนี้ใครสนใจรถ EV ก็สามารถเลือกซื้อได้ อยู่ที่ความพร้อม แต่ปัจจุบันมีรถไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งสามารถใช้ไฟฟ้าในการวิ่งระยะทางประมาณหนึ่ง วันหนึ่งเดินทางไม่มากใช้ไฟฟ้าเดินทางได้ทั้งวันเลย มีทางเลือกหลากหลาย ส่วนใครที่พร้อมคิดว่าใช้เป็น EV ล้วนได้ มีรถสำรองไว้อยู่แล้ว ก็ซื้อใช้ได้เลย หรือถ้ายังไม่พร้อมจริงๆ ก็มีทางเลือกรถที่ประหยัดน้ำมันต่างๆ เป็นทางเลือกใช้ได้อีก” นายพีระพงศ์ กล่าว

การต่อยอดงานอีเว้นท์

เมื่อได้จัด Motor Show เราก็อยากขยายธุรกิจ โดยมองว่าธุรกิจอะไรที่มี scale ใหญ่พอที่จะมาทำต่อจากมอเตอร์โชว์ได้ เดิม GPI จัด Exhibition และ Motor Sport อยู่แล้ว ซึ่งเป็นงานที่ชำนาญ จึงแตกมาเป็น Sport & Entertainment ซึ่ง Sport ปี 65 ได้ร่วมกับไตรลีก ผู้เชี่ยวชาญจัดไตรกีฬาจัดงานที่สนามกรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ ซึ่งเป็นงานวิ่งงานแรกของ GPI และจะจัดอีกในปีนี้ โดยได้รับสนับสนุนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

ส่วนงานที่เป็น Entertaiment ในปีนี้ก็มีการจัด Fan Meeting ศิลปินเกาหลีชื่อดัง “จีชางอุค” ถือว่าอยู่ในกระแสที่คนสนใจ อนาคตทาง GPI อาจพิจารณางานอื่นๆ มาเพิ่มเติมอีก รวมถึงการจัดงาน Exhibition จากฐานกลุ่ม Motor Show ที่เป็นรถยนต์ เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ ของสะสม งานอดิเรก และ Gadget ซึ่งจะทยอยจัดแสดงในปลายปีนี้

ภาพรวมธุรกิจ GPI ในปี 66

แนวโน้มภาพรวมธุรกิจของ GPI ในปี 66 เริ่มเห็นภาพที่ดีกลับมาจากการจัดงาน Motor Show เต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นงานหลักของบริษัท และเสริมด้วยงานอีเว้นท์อื่นๆ ที่จะทยอยออกมา เพื่อทำให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจเติบโตขึ้น รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าที่บริษัทลงทุนไว้มีโอกาสสร้างกำไรเข้ามาเสริม หลังจากปีก่อนรับรู้ผลขาดทุนจากโรงไฟฟ้าฉุดกำไรหดเหลือ 37 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่มีกำไรจากการดำเนินงานในส่วนของธุรกิจหลัก 50 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 600 ล้านบาท

“ปีนี้โรงไฟฟ้าก็เริ่มดำเนินการได้ดีแล้ว ยอดแต่ละเดือนมากกว่าเดิม แม้อาจจะยังไม่เต็ม 100% อย่างที่เราหวังไว้ แต่ขึ้นมามากกว่าเดิมครึ่งต่อครึ่ง ทำให้สามารถมีกำไรได้แล้ว ปีนี้โรงไฟฟ้าน่าจะมีกำไรเสริมให้กับบริษัทได้ โดยที่ไม่ต้องสร้างภาระขาดทุนเหมือนปีก่อน รวมถึงธุรกิจเดิมที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่างบการเงินรวมปีนี้จะโตมากกว่า 100% รวมโรงไฟฟ้า และทั้งปี 66 ก็ถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดในรอบหลายๆปี” นายพีระพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ภาพของ GPI เมื่อมองไปข้างหน้า 3 ปี ตั้งเป้าดันรายได้เพิ่มขึ้นไปแตะ 1 พันล้านบาท จากธุรกิจเดิม โรงไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจใหม่ที่จะมีเข้ามาเสริม โดยบริษัทยังมองหาธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะสร้างรายได้เสริมเข้ามาอีก ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยงเวลาเกิดวิกฤติ เพื่อให้ GPI แข็งแรงขึ้นและมีรายได้มากขึ้น

“เราคงต่อยอดธุรกิจจากงาน Motor Show ที่สร้างรายได้หลักให้เรา เน้นการเติบโตต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่ทำอยู่และมีความชำนาญ ซึ่งง่ายกว่าการหันไปทำธุรกิจใหม่” นายพีระพงศ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top