ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 285.18 จุด ขานรับสัญญาณเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัว

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์ (30 มิ.ย.) และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกมากที่สุดในรอบ 40 ปี หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้สัญญาณว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง ขณะที่หุ้นแอปเปิลปิดตลาดด้วยมูลค่าตลาดสูงถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,407.60 จุด เพิ่มขึ้น 285.18 จุด หรือ +0.84%

  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,450.38 จุด เพิ่มขึ้น 53.94 จุด หรือ +1.23%

  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,787.92 จุด เพิ่มขึ้น 196.59 จุด หรือ +1.45%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 2.02%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.35% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.20%

ส่วนในรอบไตรมาส 2/2566 ดัชนีดาวโจนส์บวก 3.4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 8.3% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 12.8%

ดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นมากกว่า 31% ในครึ่งปีแรกซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 40 ปี และดัชนี Nasdaq 100 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ บวกขึ้นราว 39% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรก

หุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 โดยปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.3% สู่ระดับ 193.97 ดอลลาร์ หลังแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 194.48 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนต้องการซื้อหุ้นเติบโตโดยรวมมากขึ้น และจากการคาดการณ์ที่ว่า แอปเปิ้ลจะประสบความสำเร็จในตลาดใหม่ ๆ

นักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้นในวันสุดท้ายของไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลง หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.3% ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. จากระดับ 0.4% ในเดือนเม.ย.

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 4.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.7% ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.4% ในเดือนเม.ย.

ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 64.4 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 63.9 จากระดับ 59.2 ในเดือนพ.ค.

หุ้นกลุ่มเติบโตในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 1.4% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นแอปเปิ้ล, หุ้นไมโครซอฟท์, หุ้นอินวิเดีย, หุ้นอะเมซอน และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ซึ่งปรับตัวขึ้นราว 1.6-3.6% โดยทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งและความสนใจอย่างมากเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด 1.8% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดเพียง 0.5%

หุ้นทุนจดทะเบียนน้อยก็ดึงดูดแรงซื้อด้วยเช่นกัน โดยดัชนี Russell 2000 ปิดบวก 0.4% และปิดบวกเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่การปรับตัวขึ้น 5 วันติดต่อกันซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 3 มี.ค.

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 84.3% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนก.ค. ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากระดับ 89.3% เมื่อวันพฤหัสบดี (29 มิ.ย.)

ความเห็นในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงินจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดและการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในต้นสัปดาห์นี้สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่ตลาดหุ้นได้ปรับตัวรับสัญญาณความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่เงินเฟ้อชะลอตัวลง

สำหรับหุ้นรายตัวอื่น ๆ นั้น หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 9.7% หลังบริษัทเจฟฟรี่ส์ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนหุ้นคาร์นิวัลจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”

ส่วนหุ้นไนกี้ อิงค์ ร่วงลง 2.6% สวนทางตลาด หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาสแรกต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top