หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าพักตัวลงต่อตามตปท. หลังการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐออกมาดีกว่าคาด หนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้คาดพักตัวลงต่อตามตลาดต่างประเทศ หลังวานนี้ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐออกมาดีกว่าคาดมาก โดยเฉพาะภาคบริการ หนุน US Bond Yield อายุ 2 ปี และ 10 ปี พุ่งขึ้น และคาดหนุนเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปลายเดือนก.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนยังติดตามการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ให้แนวรับไว้ที่ 1,480-1,474 จุด และแนวต้าน 1,500-1,505 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้คาดพักตัวลงต่อตามตลาดหุ้นอื่นในต่างประเทศ หลังวานนี้ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 497,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ส่งผลทำให้ US Bond Yield อายุ 2 ปี และ 10 ปี พุ่งขึ้น สนับสนุนคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมปลายเดือนก.ค.นี้

ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ยังรอความชัดเจนการเมือง หลังท่าทีผู้มีสิทธิโหวตนายกฯ มีความเห็นแตกต่างกัน วันนี้เชิงกลยุทธ์มองหุ้นอิงความต้องการโลก Global Plays อาทิ พลังงาน ปิโตรเคมี ประคองตลาด

ให้แนวรับไว้ที่ 1,480-1,474 จุด และแนวต้าน 1,500-1,505 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (6 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,922.26 จุด ลดลง 366.38 จุด หรือ -1.07%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,411.59 จุด ลดลง 35.23 จุด หรือ -0.79% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,679.04 จุด ลดลง 112.61 จุด หรือ -0.82%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,435.46 จุด ลดลง 97.59 จุด หรือ -0.53% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,197.47 จุด ลดลง 8.10 จุด หรือ -0.25% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,450.64 จุด ลดลง 322.38 จุด หรือ -0.98%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ก.ค..66) 1,490.46 จุด ลดลง 18.41 จุด (-1.22%) มูลค่าซื้อขาย 45,718.25 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,182.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ก.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(6 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 71.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ก.ค.) อยู่ที่ 3.99 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.23 อ่อนค่า หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ หนุนดอลลาร์แข็งค่า

– ก.ล.ต. สั่งอายัดทรัพย์พร้อมกล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องคดีทุจริต STARK รวม 10 รายต่อ DSI ฐานแต่งบัญชีหลอกลวง ผู้ลงทุน เตรียมส่งเรื่องต่อ ปปง. ฟ้องกรณีฟอกเงิน พร้อมขยายผลไปยังกรณีอื่นที่อาจทุจริต ขณะ รายย่อยรวมตัวยื่น DSI จี้สั่งห้าม ผู้กระทำผิดออกนอกประเทศ ด้าน รองอธิบดี DSI ออกหมายจับ “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” หลังต้องสงสัยหนีออกนอกประเทศ

– “เฟทโก้” ชี้ปัจจัย กดดันการเมืองทำนักลงทุนชะลอซื้อหุ้น บ่งชี้ผ่าน ดัชนีตลาดวานนี้ (6 ก.ค.) ร่วงแรง 22 จุด ย้ำหากตั้งรัฐบาลใหม่ราบรื่น หนุนฟันด์โฟลว์ ไหลกลับ มองระยะยาวมองพื้นฐานเศรษฐกิจไทย แข็งแกร่ง จากนักท่องเที่ยวพุ่ง-นักธุรกิจจีนสนใจลงทุนทางตรงประเทศไทยเพิ่ม

– จับตา “กกพ.” เตรียมแจงผลคำนวณค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค.66 แย้มลดได้แค่ 20 กว่าสตางค์ต่อหน่วย หรืออาจต้องตรึงราคาเท่าเดิม แต่แนวโน้มไม่ต่ำ โยน 3 ทางเปิดรับฟังความเห็นทุกภาคส่วนชี้ชะตา “กกร.” ย้ำต้องไม่เกิน 4.25 บ./หน่วย

 

หุ้นเด่นวันนี้

– ADVANC (ลิเบอเรเตอร์) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 240.00 บาท คาดกำไรหลักไตรมาส 2/66 เติบโตทั้ง q-q และ y-y สู่ระดับ 7 พันล้านบาท จากรายได้ธุรกิจมือถือและบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารที่ลดลง จากภาวะการแข่งขันที่ผ่อนคลาย และส่วนแบ่งการตลาดน่าจะเพิ่มเล็กน้อย ขณะที่กระแสเงินสดดี และมีอัตราปันผลราว 3.8% ต่อปี

– AUCT (คิงส์ฟอร์ด) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.80 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิ ไตรมาส 1/66 ที่ 96 ล้านบาท ทรงตัว QoQ แต่เติบโต +112%YoY มีปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการประมูลและปริมาณรถที่ปิดประมูลได้ โดยตั้งแต่หมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วง COVID-19 ตั้งแต่ช่วงกลางปีก่อน ส่งผลให้มีปริมาณรถยึดในตลาดมากขึ้น ในระยะสั้นอาจเห็นการชะรอตัว QoQ ในช่วงไตรมาส 2/66 ตามฤดูกาลที่มีวันหยุดเยอะ แต่น่าจะกลับมาขยายตัวดีอีกครั้งในครึ่งปีหลัง ตามแนวโน้มของ NPL ในระบบ โดยบริษัทคาดแนวโน้มตลาดรถยนต์มือ 2 โต +20% จากรถที่จะถูกไฟแนนซ์ยึดสอดคล้องกับข้อมูลของเครดิตบูโรที่ระบุว่าจะมีหนี้เสียจากรถยนต์เพิ่มขึ้นมากจากค่าเฉลี่ยที่ปีละประมาณ 2 แสนคัน ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 ที่ 299 ล้านบาท +19%YoY และปี 67 ที่ 322 ล้านบาท +8%YoY

– GFPT (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.20 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 2/66 ที่ 344 ล้านบาท +45% q-q จากฤดูกาลที่ดีของการส่งออกไก่และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง แต่ยัง -29% y-y โดยเราประมาณการว่าไตรมาส 2/66 ปริมาณส่งออกไก่และราคาขายไก่มีชีวิตเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นทั้ง q-q และ y-y ส่งผลให้รายได้เติบโตทั้ง q-q และ y-y ขณะเดียวกัน Gross Margin ก็ฟื้นขึ้นตามไปด้วย

เราคาดว่าราคาไก่มีชีวิตมีแนวโน้ม ปรับขึ้นอีกในไตรมาส 3/66 ดังนั้นแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลัง จะเป็นบวกมากขึ้น เราคาดกำไรปกติปี 66 ที่ 1.36 พันล้านบาท -34% y-y จากฐานสูงปีก่อน นอกจากนี้การแพร่ระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ในบราซิลกำลังหนักขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของการส่งออกไก่ไทย แนวรับ 12.40-12 บาท แนวต้าน 13-13.50 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top