ฟิทช์หั่นอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐสู่ AA+ เหตุหนี้พุ่ง-สถานะการคลังถดถอย

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยระบุว่าสหรัฐมียอดขาดดุลงบประมาณที่สูงมากและมีระบบธรรมาภิบาลที่อ่อนแอลง ซึ่งส่งผลให้เผชิญกับปัญหาหนี้พุ่งชนเพดานหลายครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในวันอังคาร (1 ส.ค.) เนื่องจากสถานะการคลังของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น

“ภาวะชะงักงันทางการเมืองส่งผลให้หนี้สินของสหรัฐพุ่งชนเพดานครั้งแล้วครั้งเล่า และส่วนใหญ่จะรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้ในนาทีสุดท้าย ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นในด้านการบริหารการคลัง”

“ในมุมมองของฟิทช์นั้น ระบบธรรมาภิบาลของสหรัฐถดถอยลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงปัญหาการคลังและหนี้สิน แม้ว่าในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้ตกลงระงับเพดานหนี้ไปจนถึงเดือนม.ค. 2568 ก็ตาม” ฟิทช์ระบุ

แถลงการณ์ของฟิทช์ยังระบุด้วยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.3% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2566 จากระดับ 3.7% ในปี 2565 ส่วนการที่รัฐบาลปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจด้านกลาโหม (15% ของการใช้จ่ายโดยรวมของรัฐบาลกลาง) ตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในกฎหมาย ‘Fiscal Responsibility Act’ นั้น ช่วยให้แนวโน้มการคลังในระยะกลางดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

นอกจากนี้ ฟิทช์ยังระบุถึงภาวะสินเชื่อตึงตัว ประกอบกับการลงทุนในภาคธุรกิจที่อ่อนแอลง และการชะลอตัวของการอุปโภคบริโภค ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย “เล็กน้อย” ในช่วงไตรมาส 4/2566 และในไตรมาส 1 ปีหน้า

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การที่สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในปี 2554 หลังจากสหรัฐรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้แบบเฉียดฉิว และในเวลานั้น S&P ระบุว่าความเสี่ยงทางการเมืองเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top