คปภ.จ่อเพิ่ม “กัญชา-ใบกระท่อม” ครอบคลุมเมาแล้วขับ

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและการมีส่วนร่วมด้านการประกันภัย ครั้งที่ 1/2566 ที่ประชุมฯ ได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาตรการการเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้

– ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการพิจารณาการคำนวณระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องกับแนวทางในการคำนวณระดับปริมาณแอลกอฮอล์ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจะทำให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในการนำไปพิจารณาเงื่อนไขความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ จากปัญหากรณีผู้ขับขี่รถยนต์เมาแล้วขับรถไปเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในขณะเกิดเหตุ หรือมีการปฏิเสธการตรวจวัดระดับปริมาณแอลกอฮอล์

โดยในปัจจุบัน การกำหนดจำนวนขั้นต่ำของระดับปริมาณแอลกอฮอล์ ที่จะนำมาใช้คำนวณระดับปริมาณแอลกอฮอล์ย้อนกลับไปเพื่อพิสูจน์ระดับปริมาณแอลกอฮอล์ขณะเกิดเหตุยังไม่ชัดเจน โดยสำนักงาน คปภ. ได้มีการประชุมหารือประเด็นดังกล่าว กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้ข้อสรุปในแนวทางบางส่วนแล้ว ที่ประชุมจึงเห็นควรให้หารือประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และคณะกรรมการสถานพยาบาล ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลมาประกอบการพิจารณาที่เป็นประโยชน์มากขึ้น และควรมีการกำหนดมาตรการในการควบคุม กรณีเมาแล้วขับให้ครอบคลุมไปถึงการเมากัญชา ใบกระท่อม และสารเสพติดอื่น ๆ ด้วย

 

– ความเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อลดปัญหาข้อพิพาทเรื่องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ โดยที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องกับกรอบแนวทางการกำหนดจำนวนวันซ่อมรถยนต์ เพื่อนำไปพิจารณาคำนวณค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ซึ่งเป็นกรอบหลักเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำ ที่จะนำไปใช้แก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น ระหว่างผู้เสียหายกับบริษัทประกันภัยเกี่ยวกับจำนวนวันซ่อมรถยนต์

โดยที่ผ่านมา ปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ สำนักงาน คปภ. ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนกำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถแล้ว ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาข้อพิพาทไปได้ในส่วนหนึ่ง ดังนั้น กรอบแนวทางการกำหนดจำนวนวันซ่อมรถยนต์ดังกล่าวข้างต้น จะเป็นประโยชน์ในการนำไปแก้ไขปัญหาข้อพิพาทในประเด็นดังกล่าวได้ทั้งระบบ

ทั้งนี้ หากคู่พิพาทมีข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่อาจจะส่งผลต่อระยะเวลาการจัดซ่อมรถยนต์ที่แตกต่างไปจากกรอบแนวทางดังกล่าว คู่กรณีสามารถนำมาพิสูจน์ และตกลงกันได้ตามจำนวนวันที่มีการซ่อมจริง นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ควรนำกรอบดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย ประกอบด้วย ภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และอู่ซ่อมรถยนต์ และควรมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจอย่างชัดเจน เกี่ยวกับกรอบแนวทางการกำหนดจำนวนวันซ่อมรถยนต์ดังกล่าวด้วย

 

– ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการการเพิ่มประสิทธิภาพ เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย โดยที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมการทำงานเชิงรุกของสำนักงาน คปภ. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัย กรณีเกิดอุบัติภัยรายใหญ่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ รวมถึงการกำกับติดตามการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ประสบภัย ที่มีความฉับไวและเข้าถึงสถานการณ์ ด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน

 

นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม 3 มาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย

มาตรการแรก ควรมีการรวบรวมเหตุการณ์ที่เป็นข้อพิพาทที่น่าสนใจ และมีประเด็นใหม่ ๆ เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับประชาชน โดยจัดทำเป็นคู่มือและเผยแพร่ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่เข้าใจได้ง่าย

มาตรการที่ 2 ควรมีการจัดทำ Anti-Fake News และเผยแพร่แจ้งเตือนประชาชน เกี่ยวกับพฤติกรรมหลอกลวงผู้บริโภคด้านการประกันภัย เช่น กรณีที่มีการหลอกลวงผู้บริโภคให้ซื้อประกันภัยสัตว์เลี้ยง โดยบริษัทผู้รับประกันภัยไม่ได้ประกอบธุรกิจประกันภัยอย่างถูกต้องตามกฎหมายประเทศไทย

มาตรการที่ 3 ควรจัดให้มีการเพิ่มจำนวนอาสาสมัครประกันภัย และจัดอบรมโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงโอกาสความเป็นไปได้ ที่จะให้อาสาสมัครประกันภัยเป็นผู้ไกล่เกลี่ยด้านการประกันภัยของสำนักงาน คปภ.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ส.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top