TRT ลุ้นปีนี้พลิกคืนสู่กำไรหวังมาร์จิ้นฟื้นแตะ 18-20% ครึ่งปีหลังทิศทางเป็นบวก

นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยว่า ในปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย ยังมีแนวโน้มการฟื้นตัวสามารถกลับมามีผลประกอบการเป็นบวก พลิกฟื้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งประสบภาวะขาดทุนได้ และมีความเป็นไปได้ที่ปีนี้จะมีกำไรขั้นต้น 18-20% จากแผนงานและการดำเนินงานต่าง ๆ

ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตและมีทิศทางเป็นบวก เนื่องจากบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือน มิ.ย.66 จำนวน 2,703 ล้านบาท ส่งมอบงานและรับรู้รายได้ในปีนี้ 1,441 ล้านบาท และในปีหน้าจำนวน 1,262 ล้านบาท งานในมือทั้งหมดแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 2,575 ล้านบาท ส่งมอบงานภายในปีนี้ 1,349 ล้านบาท และส่งมอบในปีหน้า 1,226 ล้านบาท ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง มีงานในมือจำนวน 128 ล้านบาท ส่งมอบในปีนี้ 92 ล้านบาท และส่งมอบในปีหน้า 36 ล้านบาท

เป้าหมายรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะทำได้ 2,314 ล้านบาท แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีรายได้เพียง 804.6 ล้านบาทก็ตาม แต่ทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 เริ่มฟื้นตัวและมีแนวโน้มเป็นบวก ส่วนไตรมาส 4 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตมากที่สุด ประกอบกับการที่บริษัทมีงานในมือ โดยเฉพาะงานจากหน่วยงานภาครัฐที่จะส่งมอบมากถึง 1,100 ล้านบาท และยังคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงงานที่ยังอยู่ระหว่างการติดตามงานประมูลเพิ่มเติมอีกกว่า 11,748 ล้านบาท ซึ่งปกติจะมีโอกาสประสบความสำเร็จจากการได้งานประมาณ 20-25% จะเข้ามาช่วยเสริมทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

“จริงๆ แล้วอุตสาหกรรมหม้อแปลง จะเฉลี่ยการรับรู้รายได้ในแต่ละไตรมาสได้ค่อนข้างยาก และแม้ว่าเราจะต้องทำรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าของช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเราต้องทำงานอย่างหนักช่วงครึ่งปีหลังอย่างมาก แต่จะเห็นได้ว่า เป้าหมายปีนี้ทำได้ไม่ยาก เพราะมีออร์เดอร์ในมือ และอาจจะมีออร์เดอรใหม่เข้ามาเสริม ขณะที่งานภาครัฐที่เตรียมส่งมอบจำนวนมาก ถือเป็นความมั่นคงทางธุรกิจจากการับงานภาครัฐ” นายสัมพันธ์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 804.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 40 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีรายได้รวม 765.14 ล้านบาท แบ่ง เป็นรายได้จากการขายและบริการ 791.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 35 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 756.89 ล้านบาท

และ มีกำไรขั้นต้น (Gross Profit) 105.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 54 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 69.12 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ร้อยละ13.38 เพิ่มขึ้นจากช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น 9.13%

โครงสร้างรายได้หลักของบริษัท และบริษัทย่อย มาจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) มีลูกค้าหลักเป็นหน่วยงานภาครัฐ อาทิ การไฟฟ้านครหลวง (MEA) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) บริษัทเอกชนทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัททั่วไป รวมถึงตลาดต่างประเทศทั่วโลก แต่บริษัทฯ เน้นประเทศหลักในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ยังมีธุรกิจการให้บริการ รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ด้วย และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง (Non-Transformer) อาทิ รถกระเช้า, รถเครน, ถังหม้อแปลงไฟฟ้า และแบตเตอรีลิเธียม

“โดยในช่วง 6 เดือนแรก รายได้จากการขายกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า มีอัตรากำไรขั้นต้น 12% สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมี 8% และธุรกิจที่ไม่ใช่หม้อแปลง มีอัตรากำไรขั้นต้น 36% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้น 18%” นายสัมพันธ์ กล่าว

นายสัมพันธ์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ในภาพรวมปรับตัวดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปีที่ผ่านมา แต่กำไรขั้นต้น 105.98 ล้านบาท ยังไม่มากพอที่จะส่งผลให้ EBIDA และ EBIT เป็นบวกได้ โดยมี EBIDA ติดลบ 8.29 ล้านบาท แต่ก็ติดลบลดลงราว 20 ล้านบาท จากช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวน 29.64 ล้านบาท มี EBIT ติดลบ 40.32 ล้านบาท ติดลบลดลง 30 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ติดลบ 70.84 ล้านบาท

สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 66 มีสินทรัพย์รวม 2,937.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวปีก่อนหน้าที่มี 2,825.95 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 2,012.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,839.13 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 924.48 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 986.82 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top