หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งผันผวนตามภูมิภาค ตอบรับข้อมูลว่างงานสหรัฐต่ำคาด-กังวลร่างกม.งบประมาณฯ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้แกว่งผันผวนตามภูมิภาค ตอบรับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐออกมาต่ำคาด หนุนเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อีก 1 ครั้ง รวมถึงยังมีความกังวลต่อการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสภาฯ สหรัฐ หลังยังไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวไปได้ ทำให้อาจเกิดความเสี่ยงชัตดาวน์ โดยส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งสูงในรอบ 16 ปี ให้แนวรับไว้ที่ 1,503-1,497 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้แกว่งตัวผันผวน สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาอยู่ในแดนลบ ตอบรับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 20,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.66 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย ในขณะที่ผู้รับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 21,000 ราย สู่ระดับ 1.66 ล้านราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด และยังต่ำกว่างวดก่อนหน้า เป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งในปีนี้

อีกทั้งยังมีความกังวลต่อการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เนื่องจากสมาชิกสภายังคงมีความเห็นต่างในหลายประเด็น ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดการชัตดาวน์ โดยปัจจัยดังกล่าวได้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพนัธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์ อายุ 10 ปี) ปรับตัวสูงสุดในรอบ 16 ปี คาดจะเป็นจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นในวันนี้

ให้แนวรับไว้ที่ 1,503-1,497 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,070.42 จุด ลดลง 370.46 จุด ลดลง -1.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,330.00 จุด ลดลง 72.20 จุด หรือ -1.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,223.98 จุด ลดลง 245.14 จุด หรือ -1.82%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,189.32 จุด ลดลง 381.71 จุด หรือ -1.17% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 17,578.26 จุด ลดลง 77.15 จุด หรือ -0.44% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,084.76 จุด ขยับขึ้น 0.06 จุด หรือ +0.002%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.ย.66) 1,514.26 จุด เพิ่มขึ้น 6.36 จุด (+0.42%) มูลค่าซื้อขาย 42,367.61 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 689.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ก.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.1% ปิดที่ 89.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ก.ย.) อยู่ที่ 9.97 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.13 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค ตลาดรอปัจจัยใหม่ จับตาผลประชุม BOJ

– อสังหาฯประสานเสียงขอรัฐผ่อนปรนมาตรการ LTV แก้ตรงจุด เหตุยังมีปัจจัยกดดัน ทั้งดอกเบี้ย หนี้ครัวเรือน ‘แสนสิริ’เชื่อมือรัฐบาลเศรษฐา ลุยเปิดโครงการใหม่ปีหน้า

– บอร์ด รฟท.อนุมัติลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง เหลือไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย เตรียมจัดทำแผนเสนอคมนาคม คลัง-ครม. มั่นใจประชาชนได้ประโยชน์ ย้ำทันมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนแน่นอน

– “เศรษฐา” ให้สัมภาษณ์สื่อนอก เร่งทำเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ ให้ทัน “เวียดนาม” พร้อมยืนยันไม่ปลด ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ขณะการค้าไทย-สหรัฐฟื้นตัวแกร่ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– ITC (กรุงศรี) แนะนำ “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 21.90 บาท ได้ Sentiment บวก จากค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็นบวกต่อ ITC โดยตรงเนื่องจากมีรายได้จากการส่งออก 90% ของรายได้รวม, แรงกดดันทางด้านต้นทุนลดลง หลังราคาทูน่า ปรับลงสู่ระดับ 1,800$/ton เทียบจากเดือน มิ.ย.ที่ 2,000$/ton

– COM7 (กสิกรไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 36.72 บาท แนวโน้มยอดขาย iPhone 15 แข็งแกร่งดีกว่า iPhone14 หลังยอดจอง online เต็มหลายที่ อีกทั้งบริษัทเผยเตรียมประกาศดีลเพิ่มใหม่กับเครื่องใช้ไฟฟ้าปลายปีนี้

– TU (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1.3 พันล้านบาท +27% q-q, -49% y-y ขณะที่คาดกำไรปกติ +2% q-q ไม่น่าตื่นเต้น เหตุผลสำคัญอยู่ที่ส่วนแบ่งของ Red Lobster ที่น่าจะพลิกเป็นขาดทุนมากขึ้น อย่างไรก็ดีเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรของ TU ที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/66

แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/66 คาดเติบโตต่อเนื่องทั้ง q-q, y-y สวนปัจจัยด้านฤดูกาลลูกค้าในธุรกิจ Ambient และอาหารสัตว์เลี้ยงเริ่มกลับมา Restocking สินค้าอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นอกจากนี้คาด Margin ไตรมาส 4/66 จะดีขึ้น q-qจากราคาปลาทูน่าที่ลดลง เบื้องต้นเราเห็น Upside 10-15% ต่อประมาณการกำไรปกติปี 66 ที่ 4.1 พันล้านบาท -38% y-y ส่วนปี 67 ยังคาดที่ 5.2 พันล้านบาท +28% y-y  แนวรับ 14 บาท แนวต้าน 14.60-15 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top