หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นทดสอบ 1,400 จุด ขานรับเฟดคงดอกเบี้ย-บอนด์ยีลด์สหรัฐชะลอ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นปรับขึ้นทดสอบ 1,400 จุด ตามภูมิภาคเอเชีย ตอบรับเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด และถ้อยแถลงประธานเฟดออกไปในโทนกังวลภาวะตึงตัวด้านการเงินและสินเชื่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากบอนด์ยีลด์สหรัฐชะลอตัวลง หลังกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนประมูลพันธบัตรรัฐบาล ให้แนวรับไว้ที่ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย เช้านี้ลุ้นปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,400 จุด เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ตอบรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดออกไปในโทนมีความกังวลต่อภาวะตึงตัวด้านการเงินและสินเชื่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน แต่เฟดก็ยังไม่ปิดโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต โดยจะใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน ทำให้ตลาดคาดว่าดอกเบี้ยของเฟดน่าจะมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

อีกทั้งตลาดยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี ที่ชะลอตัวลง สู่ระดับ 4.7% หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนการประมูลพันธบัตรรัฐบาล ส่งผลดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

ให้แนวรับไว้ที่ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,400 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (1 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,274.58 จุด เพิ่มขึ้น 221.71 จุด หรือ +0.67%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,237.86 จุด เพิ่มขึ้น 44.06 จุด หรือ +1.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,061.47 จุด เพิ่มขึ้น 210.23 จุด หรือ +1.64%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 31,987.02 จุด เพิ่มขึ้น 385.37 จุด หรือ +1.22% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,282.39 จุด เพิ่มขึ้น 180.61 จุด หรือ +1.06% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,028.66 จุด เพิ่มขึ้น 5.58 จุด หรือ +0.18%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 พ.ย.66) 1,379.96 จุด ลดลง 1.87 จุด (-0.14%) มูลค่าซื้อขาย 38,090.52 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 738.69 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(1 พ.ย.) ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 80.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 พ.ย.) อยู่ที่ 3.60 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.99 แข็งค่า รับดอลลาร์อ่อนค่าหลังเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด

– “รัฐบาลไทย” เตรียมลงนามเอ็มโอยูบิ๊กเทคโนโลยีโลก “ไมโครซอฟท์-กูเกิล” บนเวทีประชุมเอเปค ที่ซานฟรานซิสโก กลางเดือน พ.ย.นี้ ดึงลงทุนด้าน ‘พลังงานสะอาด-เทคโนโลยีเอไอ หนุนการทำงานภาครัฐ รีสกิลทักษะคนไทยเพิ่มขีดแข่งขันประเทศ

– บอร์ดอีวี ไฟเขียวมาตรการ EV3.5 ส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าระยะ 2 มีผล 1 ม.ค.67 หั่นเงินอุดหนุนรถยนต์นั่ง รถกระบะ จักรยานยนต์ไฟฟ้า เหลือสูงสุดไม่เกิน คนละ 1 แสนบาท พร้อมขยายเวลาจดทะเบียนรถที่เข้าร่วมมาตรการ EV3 ถึง 31 ม.ค.67 ด้าน MG ชี้ช่องว่างเงินอุดหนุน กระทบรถ CKD

– กกร.ได้พิจารณาทิศทางเศรษฐกิจไทยปีนี้และมีมติให้คงกรอบประมาณการการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เติบโตได้ระดับเท่าเดิมที่ 2.5-3% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.7-2.2% แต่ได้ปรับการส่งออกใหม่จากเดิม -0.5 ถึง -2% เป็น -1 ถึง -2% เนื่องจากกำลังซื้อของครัวเรือนไทยเริ่มแผ่วลง ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มอยู่ที่ 28-29 ล้านคน น้อยกว่าประมาณการเดิมที่ 29-30 ล้านคน

 

หุ้นเด่นวันนี้

– บมจ. เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป หนึ่งในผู้นำการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากครบวงจรด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ มาตรฐานระดับสากล พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 2 พ.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,382.90 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SAFE”

– MTC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้าสูงสุด IAA Consensus 49 บาท ได้ Sentiment บวกโดยตรงหลังจาก US Bond yield เริ่มย่อตัวตอบรับ FED มีมติเป็นเอกฉัณฑ์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.5% ตามที่ตลาดคาดไว้

– PLANB (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.00 บาท แม้แนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาในปี 66 จะมีโอกาสเติบโตไม่ถึง 7-8% เหมือนที่ตลาดคาดการณ์ไว้จากปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว สถานการณ์ราคาพลังงานและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังมีปัจจัยลบจากเหตุการณ์สงครามที่มีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว โดยเม็ดเงินโฆษณาจริงช่วง 7M66 โต +0.44%YoY แต่สื่อ Outdoor & transit ยังคงเติบโต +23%YoY ดีกว่าภาพรวม ซึ่งระยะสั้นคาดผลประกอบการ 3Q66 มีแนวโน้มเติบโตดีทั้ง QoQ, YoY จาก U-rate ที่สูงราว 72% และ Engagement Marketing (Sport) มวย Rajadamnern World Series และเอเชียนเกมส์เข้ามาเสริม ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีมีแรงหนุนจากการเข้าสู่ High Season ของสื่อนอกบ้าน ทั้งนี้ตลาดคาดการทำไรปี 66 ที่ 881 ล้านบาท +25%YoY

– GULF (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 56.25 บาท ราคาหุ้นลงตอบรับความกังวลต่อ Bond Yield ของสหรัฐฯ และไทยที่ปรับขึ้น มาตรการลดค่าไฟ ต้นทุนพลังงานที่ปรับขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม โครงสร้างโรงไฟฟ้าของ GULF ที่ส่วนใหญ่ที่เป็นประเภท IPP ซึ่งผลกระทบต่อผลประกอบการจึงจำกัด แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 จะเติบโตได้ดี QoQ และ YoY จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เข้าช่วงฤดูกาล และยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ส่วนไตรมาส 4/66 -ไตรมาส 4/67 คาดกำไรทำสูงสุดใหม่ไปอีก 5 ไตรมาสจาก COD โครงการใหม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top