BJC ร่วง 7.56% หลังงบ Q3/66 แย่กว่าคาด แนะ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” รอลุ้นฟื้น-Spinoff บิ๊กซี

BJC ลบ 7.56%% หรือลดลง 2.25 บาท มาอยู่ที่ 27.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 62.48 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.01 น. โดยเปิดตลาดที่ 28.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 28.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 27.00 บาท

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) กำไรไตรมาส 3/66 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ โดยอยู่ที่ 693 ล้านบาท (-25.6% YoY, – 42.7% QoQ) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 12% และตลาดถึง 38% จากค่าใช้จ่าย SG&A และภาษี โดย SSSG ที่ +2.1% ในไตรมาส 3/66 (vs +4.8% ในไตรมาส 2/66) ได้แรงหนุนจาก SSSG ที่เป็นบวกของไฮเปอร์มาร์เก็ตและ BigC Mini แต่เป็นลบสำหรับซุปเปอร์มาร์เก็ต

ผลการดำเนินงานโดยรวมจากธุรกิจการผลิตฟื้นตัว YoY และ QoQ จาก GPM ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงเนื่องจากยอดขายลดลง

ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุว่า BJC รายงานผลประกอบการ Q3/66 กำไรสุทธิอยู่ที่ 693 ลบ. (-25.64% YoY, -42.68% QoQ) ต่ำกว่า Bloomberg Consensus (1,228 ลบ., -44%) จาก SG&A และ Finance Cost แม้ว่าในส่วนของรายได้จากการขายและบริการจะอยู่ในเกณฑ์ปกติที่ 37,901 ลบ. (+2.78% YoY, -3.81% QoQ)

ภาพ QoQ อ่อนตัวตามฤดูกาลจากธุรกิจค้าปลีก ขณะที่ภาพ YoY แม้จะเห็นการเติบโตในธุรกิจ Modern Retail Supply Chain; MSC (BigC) (+5.8% YoY, -5.9% QoQ) และ Healthcare & Technical Supply Chain; HTSC (+1.2% YoY, -3.0% QoQ) แต่ในส่วนของ ธุรกิจ Packaging Supply Chain; PSC (-2.7% YoY, +0.3% QoQ) และ ธุรกิจ Consumer Supply Chain; CSC(-4.1% YoY, +1.1% QoQ) เห็นการปรับตัวลดลง YoY หลักๆจากยอดขายที่อ่อนตัวในประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเวียดนามที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด

ในแง่ของ Gross Profit Margin ทำได้ดีมากที่ 19.20% เมื่อเทียบกับ Q2/66 ที่ 18.92% และ Q3/65 ที่ 18.02% ตามลำดับ หลักๆ มาจากต้นทุนการผลิตลดลง 1.ราคาก๊าซธรรมชาติและอลูมิเนียม (ธุรกิจ PSC) และ 2.ราคาน้ำมันปาล์มและเยื่อไม้(ธุรกิจ CSC) อย่างไรก็ตาม แม้ GPM จะสวยงาม แต่ด้าน Net Profit Margin ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.83% เมื่อเทียบกับ 4Q65 และ Q1/65 สาเหตุหลักๆจาก finance cost และSG&A ที่สูงขึ้นจากการขยายสาขา

แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” TP ที่ 37.00 บาท รอการฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป แม้ Q3/66 จะอ่อนแอ และมี sentiment ลบ ในช่วงสั้น แต่เบื้องต้นคาดหวัง Q4/66 เป็นจุดสูงสุดของปี (แม้ YoY อาจยังไม่สดใสจากค่าใช้จ่ายภาษีต่ำใน Q4/65) จาก 1.การกลับมาของนักท่องเที่ยวคาด peak 2.การฟื้นตัวของธุรกิจเวียดนาม (ฝั่ง packaging) ซึ่งทางรัฐฯมีการมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างการลด VAT ลงเหลือ 8% (จาก 10%) ในช่วง ก.ค.-ธ.ค.66 และ 3. ค่าใช้จ่ายคาดว่าจะลดลง โดยเฉพาะค่าไฟ ขณะที่ช่วงปีหน้าคาดว่าการดำเนินงานหลักจะเห็นการฟื้นตัวได้

และ ยังมี story จากการ Spinoff BRC (BigC) ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกมูลค่าธุรกิจเพิ่มเติม และ ได้ cost of fund ที่ถูกลงเมื่อเทียบกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงตามอัตราดอกเบี้ยโลกที่สูงขึ้น ด้านการเติบโตในระยะยาวถัดไปเองก็ยังมีประเด็นบวกจากการ Hypermarket และ convenience store ในกัมพูชา และลาว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top