TNL มั่นใจรายได้เข้าเป้า 2.5 พันลบ.ชู 3 Growth Engine สายธุรกิจการเงินดันโตก้าวกระโดด

นางสาวสุธิดา จงเจนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนูลักษณ์ (TNL) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 66 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 2.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 27% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,960.48 ล้านบาท หลังจากมุ่งหน้าขยายธุรกิจใหม่และธุรกิจเดิมทั้ง 4 ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยมี 3 ธุรกิจใหม่ที่เป็น New Growth Engine ช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทในระยะยาว

ทั้งนี้ TNL อยู่ในเครือสหพัฒน์ก่อตั้งมาแล้ว 48 ปี และในปี 66 เป็นปีแรกที่บริษัทได้ปรับโฉมธุรกิจใหม่ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเข้าลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้นและยั่งยืนให้กับบริษัท ด้วยการปรับเปลี่ยนใน 2 ด้าน ได้แก่ 1.โครงสร้างธุรกิจ โดยการเพิ่ม 3 ธุรกิจใหม่ที่จะมาเป็น New Growth Engine และ 2. โครงสร้างองค์กร โดยมี Strategic Partner บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เข้ามาถือหุ้นเพื่อร่วมขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตไปด้วยกัน

TNL แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 265.73 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.87 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 36.13 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.30 บาท ส่วนงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 488.69 ล้านบาท สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 78.83 ล้านบาท

ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นมากในไตรมาส 3/66 บริษัทมีรายได้รวม 842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) เป็นผลจากการเสริมทัพด้วย 3 Growth Engine ใหม่ ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็นเป็น 23% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ 5% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ธุรกิจ 3 Growth Engine ใหม่ ประกอบด้วย ธุรกิจให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ผ่าน บริษัท ออกซิเจน แอสเซ็ท จำกัด (Oxygen) ในไตรมาส 3/66 มีรายได้ 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% QoQ โดยปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อ 5,193 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 45% จากวันที่ 31 ธ.ค. 65 โดย Oxygen ยังคงบริหารคุณภาพพอร์ตสินเชื่อได้ดี โดยลูกหนี้ทั้งหมดมีสถานะปกติ ไม่มีลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)

ขณะที่ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย ผ่าน บริษัท บริหารสินทรัพย์ ออกซิเจน จำกัด (OAM) เริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/66 หลังจากประมูลพอร์ต NPL ได้ในไตรมาส 1/66 โดยมีหนี้ที่บริหารรวมมูลค่า 1,621 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเก็บเงินได้ประมาณ 1.1 พันล้าน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ภายใน 5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ปี 66 OAM มีรายได้รวม 46 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้เน้นการซื้อ Corporate NPLs เป็นส่วนหลัก อย่างไรก็ตาม พอร์ตฟอลิโอก็จะผสมผสานกับ Retail NPLs เพื่อจะบริหารกระแสเงินสดให้เหมาะสม โดยบริษัทตั้งเป้าพอร์ตหนี้ Corporate NPLs อยู่ในระดับ 30% และ Retail NOLs อยู่ที่ 70%

นางสาวสุธิดา กล่าวว่า สินเชื่อประเภท Special Mention Loan (ซึ่งได้แก่หนี้สินระดับ 2 ซึ่งค้างชำระระหว่าง 31-90 วัน) ในระบบเศรษฐกิจมียอดคงค้างค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับก่อนหน้าโควิด-19 แต่ด้วยมาตรการพักชำระหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผลทำให้สถาบันการเงินยังไม่ได้มีการขายหนี้ออกมา ซึ่งหลังจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มหมดลง ทำให้ปีนี้จะเห็นว่ามี NPLs ออกมาขายค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทมีโอกาสในการเข้าซื้อพอร์ต NPLs และยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก

สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ผ่าน บริษัท ทีเอ็นแอล อัลไลแอนซ์ จำกัด (TNLA) ในไตรมาส 3/66 มีรายได้ 277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 199 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยหลักมาจากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดของ 2 Joint Ventures ได้แก่ บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด และบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแนซ์ จำกัด ให้แก่ บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD)

นางสาวสุธิดา กล่าวว่า ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนสูง บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตพอร์ตสินเชื่อ และพอร์ตลงทุน NPLs อย่างมีคุณภาพและระมัดระวัง และเน้นการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ Oxygen และใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพของ AMC

ทั้งนี้ ตอกย้ำด้วยผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (CGR) ประจำปี 2566 ล่าสุดที่จัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้รับการประเมินในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) โดยได้คะแนนสูงถึง 108% ซึ่งตอกย้ำศักยภาพการดำเนินงานของบริษัท ที่มุ่งเน้นพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดี และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน

ล่าสุด บริษัทได้ออกหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการออกหุ้นกู้ครั้งแรกของบริษัท โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม โดยมีนักลงทุนทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ เสนอความต้องการซื้อเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งได้ดำเนินการการขายเสร็จสิ้นแล้ว โดยวัตถุประสงค์ของการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อเตรียมเป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่มีหลักประกัน (Secured Lending) และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC) ในอนาคต

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top