หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวขึ้นตามตลาดสหรัฐ รับบอนด์ยีลด์ชะลอ-ดอลลาร์อ่อนค่า

นักวิเคราะห์ฯระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งในแดนบวกได้ต่อเนื่อง จาก Sentiment ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ที่ค่อนข้างเป็นบวก โดยบอนด์ยีลด์และ Dollar Index ปรับตัวลง ส่งผลให้ตลาดภูมิภาคปรับตัวบวกได้ นักลงทุนคาดหวังว่าเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลงในปีหน้า ขณะที่ในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ โดย SET Index วันนี้ให้จับตาแนวต้านหลักที่ 1,430 จุด หากสามารถทะลุผ่านได้จะทำให้ภาพเป็นบวกในระยะสั้น โดยให้แนวรับ 1,410 – 1,415 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีแนวโน้มแกว่งตัวในแดนบวกได้ต่อเนื่อง จาก Sentiment ของตลาดสหุ้นหรัฐเมื่อคืนนี้ที่ค่อนข้างเป็นบวก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) และ Dollar Index ปรับตัวลง ส่งผลให้ตลาดภูมิภาคเช้านี้สามารถปรับตัวบวกตามได้ นักลงทุนคาดหวังว่าเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลงในปีหน้า

ขณะที่ในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยการรายงานตัวเลข GDP เมื่อวานนี้ที่ค่อนข้างต่ำกว่าคาด แต่ตลาดได้ตอบรับไปแล้ว โดยมองว่าเศรษฐกิจผ่านช่วงแย่ที่สุดไปแล้วในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ซึ่งคาดว่าไตรมาส 4 จะกลับขึ้นมาได้ประมาณ 4%YoY และปี 67 ทั้งปีคาดว่าจะเติบโต 3-4% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดย SET Index วันนี้ให้จับตาแนวต้านหลักที่ 1,430 จุด หากสามารถทะลุผ่านได้จะทำให้ภาพเป็นบวกในระยะสั้น

โดยให้แนวรับ 1,410 – 1,415 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,151.04 จุด เพิ่มขึ้น 203.76 จุด หรือ +0.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,547.38 จุด เพิ่มขึ้น 33.36 จุด หรือ +0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,284.53 จุด เพิ่มขึ้น 159.05 จุด หรือ +1.13%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,453.15 จุด เพิ่มขึ้น 65.12 จุด หรือ +0.20% แต่หลังจากเปิดตลาด 15 นาที ดัชนีนิกเกอิลดลง 43.88 จุด หรือ -0.13% สู่ระดับ 33,344.15 ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,932.54 จุด เพิ่มขึ้น 154.47 จุด หรือ +0.87% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,074.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.51 จุด หรือ +0.21%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 พ.ย.66) ที่ 1,419.44 จุด เพิ่มขึ้น 3.66 จุด (+0.26%) มูลค่าการซื้อขาย 37,420.63ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,800.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 พ.ย.66.

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.(20 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 77.60 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 พ.ย.66) อยู่ที่ 5.58 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.09 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดรอดูสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยของเฟด

– “สภาพัฒน์” ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว เผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่องคาดปี 66 ขยายตัว 2.5% ปี 67 ขยายตัว 3.2% หลังส่งออกเริ่มฟื้น ระบุไม่ประเมินจีดีพีจาก “ดิจิทัลวอลเล็ต” รอกฤษฎีกาให้ความเห็น เตือนรัฐบาลใช้นโยบายการคลังเหมาะสม รองรับความเสี่ยงอนาคต “เศรษฐา” ชี้จีดีพีไทยโตต่ำกว่าเพื่อนบ้าน 2-3 เท่า ต้องกระตุ้น แย้มส่งกฤษฎีกา ตีความเงินดิจิทัลแล้ว

– รัฐบาลลุยดัน “สมาร์ต ซิตี้” หนึ่งในเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “รมว.ดีอี” เคาะนโยบายสร้างสมาร์ต ซิตี้ ไทย เติบโตยั่งยืนจับมือ “บีโอไอ” ปลอดภาษี 3 ปี หากนักลงทุนซื้อสินค้า และบริการในบัญชีบริการดิจิทัล “ดีป้า” ชู 5 เสาหลักเมืองอัจฉริยะอาเซียนต้องมี ดันขึ้นทะเบียนบริการบัญชีดิจิทัลหัวใจสำคัญ สมาร์ต ซิตี้ในอนาคต กฟผ.เร่งพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ พร้อมนำร่อง “ดาต้าซิตี้” หนุนการพัฒนาเมือง

– ปปง.-ดีเอสไอ แถลงอายัดทรัพย์ 2 คดีดัง “หมูเถื่อน-หุ้น STARK” รวมกว่า 400 ล้านบาท พร้อมเผยความคืบหน้าดำเนินคดีหุ้น STARK จ่อเอาผิดบริษัทผู้สอบบัญชี หากพบทำผิดมาตรฐานผู้ตรวจสอบ

– ก.ล.ต.ร่อนหนังสือกำชับ ตลท. ตรวจสอบเน็กเก็ตชอร์ต-โปรแกรมเทรด เพื่อความโปร่งใส-เป็นธรรมแก่นักลงทุนทุกกลุ่ม หากติดขัดสามารถเสนอให้ ก.ล.ต.แก้กฎเกณฑ์-ข้อบังคับได้ “จอมขวัญ” เผยกรณีชอร์ตเซล ตลท.มีเครื่องมือดูแล “ปรับราคาขายชอร์ตสูงกว่าราคาตลาด”ได้

– ธปท.เปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 2 ปี 66 อยู่ระดับ 90.7% ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ต้องติดตามการชำระหนี้ครัวเรือนในกลุ่มคนเปราะบาง มีรายได้น้อย รายได้ฟื้นตัวช้า โดยไตรมาส 3 ปี 66 หนี้ด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) ปรับเพิ่มขึ้น 2,300 ล้านบาท มาอยู่ที่ 4.94 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.7% เพิ่มจาก 2.67% โดยธนาคารพาณิชย์มีวิธีบริหารจัดการคุณภาพหนี้ต่อเนื่อง ซึ่งหนี้เอ็นพีแอลปรับเพิ่มทุกพอร์ตสินเชื่อทั้งบ้าน รถ บัตรเครดิต

 

หุ้นเด่นวันนี้

– GPSC ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 57.00 บาท ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาตอบรับปัจจัยลบจาก Policy Risk ไปค่อนข้างมาก โดยคาดกำไรไตรมาส 4/66 จะเติบโต y-y ลดลง q-q แต่ Valuation ก็เข้าสู่ระดับที่น่าดึงดูด (PE & PBV -1SD) ติดตามการปรับค่า Ft ในเดือน พ.ย.นี้ สำหรับใช้ในรอบบิล ม.ค.-เม.ย 2567 ซึ่งมีโอกาสปรับขึ้น ระยะสั้นราคา Bond Yield ที่ชะลอตัว รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่า คาดเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม

– AUCT (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 12.80 บาท ธปท. รายงานภาวะหนี้เสีย (NPL) ในกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ไตรมาส 3/66 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.1% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปีแนวโน้ม NPL ที่สูงขึ้นจะเป็นบวกต่อ AUCT จากปริมาณรถยนต์ยึดที่ไหลเข้าสู่ระบบมากขึ้น หนุนรายได้และกำไรโตต่อเนื่องอย่างน้อยไปจนถึงกลางปีหน้า

– CPN (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 81.50 บาท กำไรไตรมาส 3/66 ที่ 4.1 พันล้านบาท โต QoQ,YoY ปัจจัยหนุนจากธุรกิจศูนย์การค้าแม้เป็น Low season แต่ Traffic ยังดี ทำให้รายได้เช่าบริการขยับขึ้น ด้านธุรกิจอสังหาฯรายได้โตจากโอนแนวราบ-คอนโดฯใหม่ ส่วนธุรกิจโรงแรมรายได้โตตามการเปิดโรงแรมใหม่ 2 แห่ง ส่วน GPM ดีขึ้นจากคุมค่าใช้จ่าย-ประหยัดต่อขนาด แนวโน้ม Q4/66 ยังสดใส YoY เข้าเทศกาลปลายปี และ High Season ท่องเที่ยว (QoQ อาจอ่อนตัวบ้างจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นปกติ) รวมถึงเปิด Central Westville ราชพฤกษ์พื้นที่เช่า 3.2 หมื่นตร.ม.ในพ.ย.และโรงแรม Centara อยุธยา อิง Consensus ตลาดคาดกำไรปี 66 ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท +32%YoY และปี 67 ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท +9%YoY

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top