YGG ปี 67 สดใสเปิดตัวเกม NINE EYES และอีก 2 เกมพ่วงรายได้หนังครั้งแรก เตรียมลุยโครงการใหญ่

นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) กล่าวว่าในปี 67 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% ซึ่งจะมาจากธุรกิจเดิมของบริษัทและการเติบโตจากการเปิดตัวเกม 3 เกมที่จะเปิดตัวในปีนี้ ซึ่งมี 2 เกมที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาเอง รวมทั้งจะมีรายได้จากภาพยนต์ Home Sweet Home Rebirth เข้ามาด้วย ทำให้ผลการดำเนินงานปี 67 เติบโตกว่าปี 66 อย่างแน่นอน

รวมทั้งในปี 67 บริษัทจะลงทุนโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น มูลค่ามากกว่า 150 ล้านบาท จะเดิมบริษัทมีโครงการขนาดเล็กถึงกลางมูลค่าตั้งแต่ 50-100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากนโยบาย Soft Power โดยบริษัทมีโครงการที่ได้เสนอไปอยู่ระหว่างการรออนุมัติบอร์ดซอฟท์พาวเวอร์

สำหรับตลาดในจีนเริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งตลาดเกมในจีนค่อนข้างใหญ่เกินกว่าที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนมาก ดังนั้นตลาดที่ไปจะเป็นส่วนที่เทียบเคียงกับตลาดหลักก่อน อาทิ ไต้หวัน และฮ่องกง ซึ่งหากตลาดเทียบเคียงมีผลตอบรับที่ดี ก็จะเข้าไปยังตลาดหลักได้ง่ายขึ้น

ขณะที่เกม “NINE EYES” ปฏิวัติเกม RPG ซึ่งเป็นเกมที่ร่วมพัฒนาและร่วมลงทุนกับ บมจ.เอสเอเอ เอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) และบริษัท MYGG (บริษัทร่วมทุนระหว่าง YGG กับบริษัท ร็อคเทคโกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC) โดยใช้ระยะเวลาในการพัฒนาเกมร่วมกันกว่า 2 ปี เพื่อ ให้ได้เกมของคนไทยที่มีคุณภาพในระดับสากล โดยการเสริมแกร่ง ในบทบาทผู้พัฒนาเกมของ YGG ร่วมด้วยบทบาทของผู้นำในเครือข่ายสื่อนอกบ้านของผู้ร่วมลงทุนในบริษัทMYGG และ บทบาทเลือดใหม่ไฟแรงในธุรกิจ Digital Content ของ SAAM จะช่วยส่งเสริมและต่อยอดทางการตลาดให้กว้างขึ้นทั้งตลาดในและต่างประเทศ

สำหรับเกม NINE EYES เป็นเกมในกลุ่ม RPG ซึ่งเป็นประเภทยอดนิยมอันดับ 1 ทั่วโลก มาเป็นเวลากว่า 10 ปี และ RPG มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า30% ของตลาดเกมมือถือทั่วโลก และยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยเกม NINE EYES เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสนุกสนานไปกับการต่อสู้แบบ Real Time Strategy RPG ความท้าทายในการวางกลยุทธ์ รวมทั้งการวางแผนการเลี้ยง Evon คู่ใจ ผู้เล่นสามารถเลือกการเล่นได้ทั้งโหมด PvP และ PvE และมีออฟชั่นให้ผู้เล่นเพิ่มความสนุกสนานด้วยรูปแบบ Free-to-Pay และ Pay-to-Be-Cool เน้น In Game Purchase ลักษณะ Cross Platform ที่สามารถเล่นผ่านมือถือได้ (Mobile Game) ทั้งระบบ Android,iOS และเล่นผ่านเครื่อง PC โดยคาดว่าจะเปิด Soft Launch ในช่วงต้นไตรมาส 2 /67 และทยอยรับรู้รายได้ไตรมา 3/67 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของผู้เล่นมาจากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

โดยการเปิด Soft Launch จะเป็นการทดลองในตลาดที่ใกล้เคียงกับตลาดหลัก ซึ่งตลาดหลักประกอบด้วย สหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และยุโรป โดย Soft Launch จะเปิดตัวที่ประเทศแคนาดา ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์และฮ่องกง ทั้งนี้บริษัทใช้งบลงทุนในการทำการตลาดใน 1 ปี 150 ล้านบาท

“NINE EYES เป็นเกมที่มีความสนุก สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย เป้าหมายของเราเปิดกว้างสำหรับผู้เล่นเกมจากทั่วโลก และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้เล่นเกม เนื่องจากเป็นเกมที่ครบรส มีทั้งความสนุก ความท้าทาย มีฟังก์ชันให้ผู้เล่นสามารถครอบครองมอนสเตอร์ที่มีรูปลักษณ์เฉพาะตัว กับรูปแบบที่หลาก หลายมากกว่าล้านล้าน(1,000,000,000,000) รูปแบบ และเป็น Cross Platform เล่นได้ทั้งบนมือถือ ทั้งเครื่อง PC ซึ่งเป็นอีก Chapter ฝั่งเกมของบริษัท” นายธนัช กล่าว

นายพดด้วง คงคามี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) กล่าวว่า การเข้าร่วมลงทุน และมีส่วนในการพัฒนาเกม NINE EYES กับ YGG และ MYGG ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพ และเป็นบริษัทผลิตเกมชั้นนำของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท ที่จะสำรวจเส้นทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการทำธุรกิจของบริษัทในระดับนานาชาติ ที่มุ่งเน้นมาทางธุรกิจ Digital Content ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับบริษัท ตามโมเดลธุรกิจหลักของบริษัท คือ สร้างรายได้แบบ Passive Income

โดยบริษัทตั้งงบสำหรับลงทุนในเกมหลักร้อยล้านบาท โดยมีเป้าหมายแรกยอดดาวน์โหลด 1 ล้านคนในปีนี้ โดยหวังว่าจะมีจำนวนผู้เล่นที่เติมเงิน 3.5% ของยอดดาวน์โหลดทั้งหมด ทั้งนี้ทุกๆยอดดาวน์โหลด 100,000 คนที่เพิ่มขึ้นกำไรจะทวีคูณเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ

โดย SAAM มีความคาดหวังในการร่วมพัฒนานวัตกรรมเกมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดโลก ซึ่งมีเกมที่รอเปิดตัวอีก 3 เกมในปีนี้ และมั่นใจว่า เกมNINE EYES จะได้รับความสนใจจากผู้เล่นเกมทั่วโลก เนื่องจากทางบริษัทได้ค้นคว้าวิจัย และศึกษาข้อมูลอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเชิงเทคนิค ในการออกแบบเกมอย่างไรให้เล่นสนุก ให้ซื้อของในเกม และเชิงตัวเลข ว่าเกมประเภทไหน เกมลักษณะไหน เป็นที่นิยมและมียอดขายสูง ซึ่ง SAAM เห็นโอกาสในมูลค่าการตลาดของอุตสาหกรรมเกมกว่า 190,000 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือ ประมาณ 6.5 ล้านล้านบาท และเป็นหนึ่งในรูปแบบความบันเทิงที่กำลังมาแรงของคนในยุคสมัยนี้

ขณะที่สัดส่วนกำไรในปี 67 จะเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมอัตรากำไรสุทธิของธุรกิจพลังงานค่อนข้างสูงอยู่ที่ประมาณ 70% และธุรกิจเกม 25-30% ซึ่งในปีนี้ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจพลังงานจะเติบโตมากขึ้นเป็น 50% หรือมากกว่า 50%

“บริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการและธุรกิจที่เป็นการลงทุน ซึ่งการลงทุนแบ่งเป็นหลายอย่างและเกมอยู่ในธุรกิจดังกล่าว และบริษัทจะมีธุรกิจอื่นอีกที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานที่ยังอยู่ในแผนอยู่ ซึ่งเป็นแผนการเติบโตระยะยาวของบริษัท แล้วเราก็อาจจะมีการทำ M&A กับบริษัทที่เกี่ยวข้องในด้าน Entertainment เข้ามา” นายพดด้วงกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top