UK-EU ปิดดีลใหม่ ปลดล็อกการค้า-เดินทาง-เยาวชน พลิกฟื้นความสัมพันธ์หลัง Brexit

สหราชอาณาจักร (UK) และสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงทวิภาคีฉบับใหม่เมื่อวันจันทร์ (19 พ.ค.) ครอบคลุมหลายด้าน โดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ UK ได้เกือบ 9 พันล้านปอนด์ (ราว 1.202 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2583

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อตกลงนี้ประกาศออกมาก่อนการประชุมสุดยอด UK-EU ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กรุงลอนดอน ซึ่งทั้งสองฝ่ายยกย่องว่าเป็น “หมุดหมายสำคัญ”

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า ข้อตกลงนี้เปรียบเสมือน “บทใหม่” ของความสัมพันธ์ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์หลังเกิดความขัดแย้งมานานหลายปีนับตั้งแต่ UK ถอนตัวออกจาก EU (Brexit)

การประชุมสุดยอดครั้งนี้มีนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของ UK เป็นเจ้าภาพ ร่วมด้วยฟอน เดอร์ เลเยน และอันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป โดยทั้งสามต่างชื่นชมข้อตกลงนี้ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกันว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ

ไฮไลท์สำคัญคือโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชน (youth mobility scheme) ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า “มีโควตาจำกัดและกำหนดระยะเวลาชัดเจน” โดยใช้โมเดลเดียวกับข้อตกลงที่ UK มีกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ UK และ EU จะร่วมกันผลักดันให้ UK กลับเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาอีราสมุสพลัส (Erasmus+) อีกครั้ง หลังถอนตัวไปในรอบปี 2564-2570

ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงข้อตกลงด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าสินค้าอาหารและเกษตร โดยจะยกเลิกการตรวจสอบสินค้ากลุ่มพืชและสัตว์หลายรายการ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ลดขั้นตอนยุ่งยาก และเปิดทางให้สินค้าส่งออกของ UK เช่น เบอร์เกอร์และอาหารทะเลประเภทหอย กลับเข้าสู่ตลาด EU ได้อีกครั้ง ทั้งยังช่วยให้การขนส่งสินค้าระหว่างเกาะบริเตนใหญ่กับไอร์แลนด์เหนือภายใต้กรอบความตกลงวินด์เซอร์ (Windsor Framework) คล่องตัวขึ้น

ด้านการประมง UK กับ EU ตกลงกรอบความร่วมมือ 12 ปี โดย UK ยังคงเข้าถึงน่านน้ำ EU ได้ และคงโควตาเดิมสำหรับเรือ EU นอกจากนี้ รัฐบาล UK จะทุ่มงบ 360 ล้านปอนด์เพื่อปรับปรุงกองเรือและเทคโนโลยีให้ทันสมัย

ข้อตกลงนี้ยังปูทางไปสู่ความร่วมมือด้านกลาโหมและความมั่นคง รวมถึงกรอบการมีส่วนร่วมของ UK ในโครงการ SAFE ของ EU ซึ่งสนับสนุนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารร่วมกัน โดยจะมีการเจรจาเพิ่มเติมเรื่องเงินสนับสนุนและการจัดการซัพพลายเชน

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวชาว UK ยังได้อานิสงส์ด้วยเช่นกัน โดยข้อตกลงจะเพิ่มการเข้าถึงฐานข้อมูลยูโรโพล (Europol) และยกระดับความร่วมมือด้านข้อมูลชีวมิติและทะเบียนรถยนต์ นักเดินทางชาว UK จะสามารถใช้ช่องทางอัตโนมัติ (eGates) ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของ EU ได้อีกครั้ง ทำให้การตรวจหนังสือเดินทางสะดวกขึ้น

แม้จะได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง แต่ข้อตกลงดังกล่าวก็ถูกวิจารณ์เช่นกัน เคมี บาเดนอค ผู้นำพรรคอนุรักษนิยมซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ประกาศจะยกเลิกข้อตกลงนี้หากพรรคของเธอได้เป็นรัฐบาล ขณะที่ไนเจล ฟาราจ จากพรรครีฟอร์ม ยูเค (Reform UK) มองว่านี่คือการ “ยอมจำนน” ต่อ EU

ด้านกลุ่มชาวประมงก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน โดยสหพันธ์องค์กรชาวประมงแห่งชาติระบุว่าข้อตกลงนี้ “เท่ากับสละไพ่ใบสำคัญที่สุดในมือ” และเอื้อประโยชน์ให้ผู้ส่งออกรายใหญ่กับซูเปอร์มาร์เก็ตมากกว่าชาวประมงอิสระ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าข้อตกลงนี้เป็นความคืบหน้าในเชิงรูปธรรม

“การประมงเป็นส่วนเล็ก ๆ ของเศรษฐกิจ UK แต่ฝ่ายวิจารณ์มักจะหยิบยกประเด็นนี้มาเป็นสัญลักษณ์ อย่างไรก็ตาม การลดอุปสรรคทางการค้าให้สินค้าส่งออกของ UK นั้นมีน้ำหนักทางเศรษฐกิจเยอะกว่ามาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมาด้านกลาโหมที่อาจได้ประโยชน์จากการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของ EU ” เอียน เบกก์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองยุโรปจากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (LSE) กล่าว

สตีฟ โนแลน อาจารย์อาวุโสด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล จอห์น มัวร์ส มองว่า ข้อตกลงนี้คือการที่ทั้งสองฝ่ายตระหนักว่าต่างเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดและพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ ในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกแยกเช่นนี้ นี่คือสัญญาณว่า “การเจรจาแบบผู้หลักผู้ใหญ่ได้กลับมาอีกครั้ง”

ทั้งนี้ ยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนสำหรับการบังคับใช้ข้อตกลงเต็มรูปแบบ แต่นายกฯ สตาร์เมอร์กล่าวว่า การเจรจาส่วนที่เหลือจะเดินหน้าต่อไป “ด้วยความรวดเร็วและเข้มข้นเช่นเดิม”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top