LA GLACE ปักธงนำเครื่องสำอางแบรนด์ไทยบุกตีตลาดตปท.ดันยอดขายแตะ 2 พันลบ.ก่อนแต่งตัวเข้าตลาดหุ้นปี 72

นางสาวเอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางไทย LA GLACE (ลา-กลาส) กางแผนงานครั้งสำคัญในการเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 72 โดยจะผลักดันให้ยอดขายพุ่ง 2 เท่าแตะ 2 พันล้านบาทภายในปี 71 จากเป้ายอดขาย 1 พันล้านบาทในปีนี้

บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อเตรียมนำบริษัทระดมทุนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยปีนี้ได้เริ่มเตรียมวางระบบด้านการเงินและบัญชีต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อม เชื่อว่าการเข้าตลาดหลักทรัพย์จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งในแง่ต้นทุน ภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ รวมถึงสามารถดึงบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์และเพื่อหาโอกาสในการขยายการลงทุนร่วมกับแบรนด์ที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศเพื่อขยายพอร์ตของ LA GLACE ในฐานะบริษัทโฮลดิ้งในอนาคต

นางสาวเอมลินทร์ เล่าว่า แบรนด์เครื่องสำอาง LA GLACE ก่อตั้งมาเข้าสู่ปีที่ 8 โดยจับมือกับพาร์ทเนอร์คือ นายทิวาทัพพ์ ธรารักษ์อนันต์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด ตั้งแต่ช่วงที่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยมีสินค้า Product Hero ยอดนิยมในกลุ่มลูกค้า Gen Z หลากหลาย ตั้งแต่ “บลัชดำ” หรือ BLACK MAGIC LIP & CHEEK PH BLUSH ซึ่งทำยอดขายไปแล้วมากกว่า 1.5 ล้านชิ้น และ LA GLACE MINI AIRY SKIN CONCEALER แบบซองที่สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 1.5 ล้านชิ้นเช่นกัน

ปีนี้บริษัทฯ ได้มี Product hero ใหม่คือแผ่นบำรุงผิวหน้าก่อนแต่งหน้า LA GLACE DAILY TONER PADS ที่เปิดขายในวันแรกสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 31 ล้านบาท จากการไลฟ์ขายสินค้าบนโซเชียลมีเดียเพียง 4 ชั่วโมง โดยสินค้าตัวนี้ของ LA GRACE มีจุดเด่นเรื่องนวัตกรรมแผ่นผ้าสำลีจากเกาหลีใต้ที่บริษัทถือลิขสิทธิ์เพียงผู้เดียวในไทย จำหน่ายในราคาที่จับต้องได้และคุ้มค่า คาดว่าปีนี้จะทำยอดขายได้ราว 600-700 ล้านบาท เมื่อรวมกับยอดขาย “บลัชดำ” และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำยอดขายโดยรวมมากกว่าปีละ 300-400 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถไปถึงเป้าหมายในปีนี้ได้

นางสาวเอมลินทร์ กล่าวว่า LA GLACE เริ่มต้นจากการขายสินค้าในช่องทางออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์แนะนำและรีวิวสินค้า หลังจากนั้นก็ได้ขยายตลาดออนไลน์ไปในทุกช่องทาง ทั้งของบริษัทและช่องทาง market place ต่าง ๆ อย่าง shopee, Lazada, TikTok และ Line Shop ครอบคลุมกลุ่มลูกค้า Gen Z โดยปัจจุบันเฉพาะโซเชียลมีเดียของ LA GLACE มีผู้ติดตามรวม 1,500,000 บัญชี และมีฐาน Affiliate (นายหน้าขายสินค้าในออนไลน์) อีกกว่า 140,000 คน นอกจากนี้ ยังได้ขยายไปตลาดออฟไลน์ กระจายสินค้า วางขายในร้านค้าปลีกและ Beauty Store ชั้นนำ เช่น watsons, Beautrium, EVEANDBOY, Konvy รวมทั้งใน 7-11 ด้วย

ภายในสิ้นปี 68 บริษัทตั้งเป้าขยายจุดขายร้านค้าปลีกให้ถึง 1,000 สาขา จากที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 100 สาขา (ไม่รวม 7-11) และรวมถึงเพิ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้ได้ครบ 100 SKU จากประมาณ 80 SKU ประกอบไปด้วยกลุ่ม Make up, Skincare และ Mask sheet โดยจะเพิ่ม Skincare เป็นหลัก

“เราถือเป็น Trendsetter ของวงการ Make Up ไทยโดยแบรนด์ LA GLACE เกิดขึ้นเพราะเราต้องการเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจให้กับทุกคน ผ่านการใช้ Make Up และการดูแลตัวเองตั้งแต่ขั้นตอนแรก ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ ที่ให้ผลลัพธ์ที่จริงใจและมีประสิทธิภาพ โดยเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์การแต่งหน้าทุกลุคของลูกค้าและสินค้าทุกชิ้นของ LA GLACE ต้อง support การแต่งหน้าของคนแต่งหน้าได้จริง นอกจากนี้ LA GLACE ยังเป็นแบรนด์เอเชียเดียว ที่อิงสไตล์การแต่งหน้าแบบ Underground Beauty ความสวยแบบไม่มีกรอบ นอกจากนี้ เรายังมีแบรนด์คอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถเติบโตไปกับเทรนด์การแต่งหน้าได้อย่างยั่งยืน” นางสาวเอมลินทร์ กล่าว

ขณะที่นายทิวาทัพพ์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายตลาดแบรนด์ LA GLACE ไปยังต่างประเทศภายใน 3 ปีข้างหน้า (69-71) คือตลาดในเอเชีย รวมทั้งตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐ โดยหมุดหมายแรก คือ ฮ่องกง เพราะถือเป็น Gateway ไปสู่ลูกค้า Gen Z ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากเคยได้เห็นการพูดถึงผลิตภัณฑ์ LA GLACE ในโลกออนไลน์ของจีน

สำหรับผลประกอบการย้อนหลังตั้งแต่ปี 61-67 บริษัทมีรายได้ 6.64 แสนบาท 6.39 ล้านบาท 13.21 ล้านบาท 39.9 ล้านบาท 40.1 ล้านบาท และ 420 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1.45 แสนบาท 5.12 แสนบาท 3.19 ล้านบาท 1.1 ล้านบาท 1.65 ล้านบาท กำไร 108.1 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดร่วม 1,000% แต่ปี 67 มีกำไรสุทธิ 37.7 ล้านบาท ลดลงเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงการลงทุนขยายกิจการเป็นหลัก

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 68)