
สหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าฉบับใหม่เมื่อวันจันทร์ (23 มิ.ย.) โดยครอบคลุมถึงตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่น ๆ โดยให้เหตุผลว่าอุปกรณ์เหล่านี้ผลิตจากชิ้นส่วนเหล็กและอะลูมิเนียม
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขยายขอบเขตการเก็บภาษี 50% สำหรับการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงต้นเดือนมิ.ย. ให้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากเหล็ก เช่น เครื่องอบผ้า เครื่องล้างจาน เครื่องกำจัดเศษอาหาร เตาอบ และเตาทำอาหาร
สินค้ากลุ่มดังกล่าวซึ่งมักเรียกรวมว่า “เครื่องใช้สีขาว” ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และเกาหลีใต้ โดยรัฐบาลระบุว่า อัตราภาษีสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์จะกำหนดตามมูลค่าของปริมาณเหล็กที่ใช้
แม้การใช้มาตรการภาษีกับเครื่องใช้ภายในบ้านอาจส่งผลให้ราคาสินค้าในประเทศสูงขึ้น แต่รัฐบาลชี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการคุ้มครองและฟื้นฟูภาคการผลิตในประเทศ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อกลางเดือนมี.ค. รัฐบาลได้ประกาศเก็บภาษี 25% ต่อการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมทั้งหมด ถือเป็นมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมตามกลุ่มสินค้าครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งอีกสมัยเมื่อต้นปี
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับเหล็กและอลูมิเนียม โดยอาศัยมาตรา 232 รัฐบัญญัติการขยายการค้า ค.ศ. 1962 ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการจำกัดการนำเข้าสินค้าที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 68)