เจพีมอร์แกนเชื่อจีนคุมกำลังการผลิตส่วนเกินอาจหนุนตลาดหุ้น-การค้าโลก

เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค (JPMorgan Chase & Co.) คาดการณ์ว่า นโยบายต่าง ๆ ของจีนที่มุ่งเป้าควบคุมกำลังการผลิตส่วนเกินนั้น อาจเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นและการค้าโลก หากจีนดำเนินนโยบายเหล่านี้อย่างถูกต้อง

รัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นว่าควบคุมอุปทานส่วนเกินในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ เหล็ก และซีเมนต์ เพื่อแก้ไขปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงเกินไปและราคาที่ปรับตัวลดลง ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตกระจกโซลาร์ของจีนประกาศว่าจะลดการผลิตลง 30% เริ่มตั้งแต่เดือนก.ค. ทางด้านโรงงานเหล็กหลายแห่งของจีนได้รับแจ้งให้ลดการปล่อยมลพิษและจำกัดการผลิต

รายงานของเจพีมอร์แกนซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ (9 ก.ค.) ระบุว่า ที่ผ่านมานั้น กำลังการผลิตส่วนเกินของจีนได้ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรและมูลค่าของบริษัทจดทะเบียน โดยระบุว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของจีนอยู่ที่ประมาณ 74% ตามหลังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) แต่นโยบายเหล่านี้ของรัฐบาลจีนอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านเงินฝืดและช่วยเพิ่มอัตรากำไร ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความขัดแย้งด้านการค้าด้วยการจำกัดการส่งออกสินค้าจีนในราคาต่ำ

นอกจากนี้ เจพีมอร์แกนระบุว่า บริษัทที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังงานใหม่และอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการกำหนดราคาที่แข็งแกร่งขึ้น ตลอดจนส่วนแบ่งรายได้ในตลาดที่สูงขึ้น และอัตรากำไรที่ปรับตัวขึ้น

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า หุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงที่จะได้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งอันเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลจีนนั้น รวมถึงหุ้นบริษัท Contemporary Amperex Technology, Baoshan Iron & Steel, Shanghai Putailai New Energy Technology, Aluminum Corp of China, LB Group และ Hengli Petrochemical

ขณะที่ข้อมูลจาก MSCI China Index GICS-3 บ่งชี้ว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง ตลอดจนโลหะและเหมืองแร่ของจีน คาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อผลผลิตอยู่ในภาวะตึงตัว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ค. 68)