
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “NoDrugs No Dealers” ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม พร้อมวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ ไปยังผู้อำนวยการเขต ผู้กำกับการ หัวหน้าสถานีตำรวจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และนายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ
ปัจจุบันเราเผชิญกับอาชญากรรมจากภายนอกประเทศ ที่เล็ดลอดเข้าสู่ประเทศไทยตามแนวชายแดน ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ขบวนการคอลเซนเตอร์ การค้าสิ่งของผิดกฎหมาย และที่สำคัญคือการลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ
โดยยาเสพติด ถือเป็นภัยร้ายแรงที่บ่อนทำลายประเทศมาอย่างยาวนาน แม้ว่าไทยจะไม่ได้เป็นต้นกำเนิดของยาเสพติด แต่เราก็ได้รับผลกระทบจากการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านบริเวณชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเส้นทางของยาเสพติดเหล่านี้ มีทั้งถูกนำเข้าเผยแพร่ระบาดในพื้นที่หมู่บ้านและชุมชน หรือถูกส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่ 3 แต่ไม่ว่า ปลายทางของยาเสพติดจะไปสิ้นสุดที่ใดก็ตาม ยาเสพติดสร้างปัญหาทำลายชีวิตของคนในหมู่บ้าน และชุมชน ทำลายความสงบสุข และความปลอดภัยของชุมชน อีกทั้งทำลายโอกาสดี ๆ ของคนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปไม่รู้จบ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปัญหายาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องขจัดออกไปบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งรัฐบาลทำงานอย่างเข้มข้นจริงจังและต่อเนื่องโดยมาตรการและปฏิบัติการต่าง ๆ ทั้งการกำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีการกำกับติดตาม และประเมินผลตรวจชี้วัดอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปฏิบัติการ Seal Stop Safe ผลึกกำลังในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อำเภอชายแดน เริ่มภารกิจตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา ทำให้ได้เห็นถึงความสำเร็จในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ ซึ่งขอชื่นชม และขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ต้นแบบ ธวัชบุรีโมเดล และท่าวังผาโมเดล จนรัฐบาลได้ขยายผลไปสู่พื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง
นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ต้นแบบ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานครและในภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอ โดยจะต้องอาศัยความร่วมมือของข้าราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการเข้าถึงประชาชน จึงจะสามารถขจัดปัญหายาเสพติดไปได้อย่างแท้จริง
รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ได้มอบนโยบายและได้เน้นย้ำถึงเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด แก่ผู้บริหารผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นฟันเฟืองหลักในการนำนโยบายของพรรคของรัฐบาล ไปปฏิบัติให้ประชาชนได้รับรู้เข้าใจ และสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการดำเนินงานของรัฐบาล ผ่านกลไกในระดับจังหวัดอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ทั่วประเทศ
โดยมีเป้าหมายและตัวชี้วัดว่า ภายใน 3 เดือนนี้ หมู่บ้านและชุมชนที่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดจะต้องเริ่มแก้ไขปัญหา วางกลไกของชุมชน และประกาศตนเป็นหมู่บ้านชุมชนปลอดยาเสพติด โดยจะต้องไม่มีทั้งผู้ค้าและผู้เสพ การดำเนินงานดังกล่าวที่กล่าวมานี้ จำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของจังหวัด และฝ่ายปกครอง นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขนำโดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครบถ้วนในทุกมิติ นับตั้งแต่การป้องกันไม่ให้มียาเสพติดเข้าสู่ประเทศ การปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน ตลอดจนการฟื้นฟูคนดีกลับสู่สังคม จึงขอเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนเร่งรัดดำเนินการ
“อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้การตำรวจภูธรจังหวัด จับมือกันร่วมการดำเนินการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน หรือจะต้องบูรณาการร่วมกันกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในด้านการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลการวางกำลังร่วม และการจัดกำลังเพื่อสนับสนุนภารกิจ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องเป็นผู้ว่า CEO ที่เป็นเจ้าภาพในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด บนข้อมูลจากสถานการณ์จริง และแน่นอนว่าแต่ละจังหวัดก็มีบริบทของพื้นที่ที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ผู้ว่าจะต้องรู้สภาพปัญหา และเงื่อนไขความท้าทายที่เกิดขึ้นในจังหวัดของตน พร้อมทั้งนำปัญหามาเป็นแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์พื้นที่” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยากให้มีการทบทวนเป้าหมายการดำเนินการที่เกิดขึ้นในทุกระยะ เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การทำงานเป็นเอกภาพ และมีประสิทธิภาพสูงสุด การดำเนินงานจะต้องใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยที่มีความเข้าใจ และเข้าถึงประชาชนมาดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่ระดับจังหวัดอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ซึ่งจะต้องมีการมอบหมายภารกิจให้ในอำเภอกำนันผู้ใหญ่บ้าน เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานเรื่องยาเสพติด โดยการดำเนินงานจะมีทั้งการสกัดกั้น เฝ้าระวัง ตรวจตรา และเอกซเรย์ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่สถานบันเทิงหากพบผู้เสพยาเสพติด ขอให้นำเข้าสู่การบำบัดรักษา
นอกจากนี้ ยังต้องมีการนำกลไกปกครอง มาใช้ในการหาข่าวในพื้นที่อีกด้วย เพื่อขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ค้ายาเสพติด และตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ตลอดจนต่อยอดไปสู่การทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทั้งระบบต่อไป โดยเฉพาะผู้ค้ารายใหญ่
สำหรับการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด ขอให้ยึดหลัก “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” ที่ต้องได้รับการรักษาซึ่งมีหลายรูปแบบ และจำแนกตามกลุ่มของผู้ป่วย พร้อมกันนี้ ขอให้ทางจังหวัดให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม เพื่อให้ผู้ป่วยที่ผ่านการบำบัดได้มาฟื้นฟูสมรรถนะ และศักยภาพให้สมบูรณ์ ก่อนที่จะกลับเข้ามาใช้ชีวิตในสังคม โดยไม่กลับมาใช้ยาเสพติดซ้ำอีก โดยสามารถนำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ใกล้ชิดกับประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม และสนับสนุนการดำเนินงานในจุดนี้
ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญส่งผลให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเกิดผลสัมฤทธิ์ คือ พลังของประชาชน ซึ่งภาครัฐจะต้องเข้าไปมีส่วนสนับสนุนให้ประชาชน รวมพลังกันเพื่อต่อต้านยาเสพติด ตนขอให้กำนัน และผู้ใหญ่บ้านทุกคนรับเป็นผู้นำ โดยอาจมีการกำหนดกติการ่วม หรือธรรมนูญหมู่บ้าน เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ทุกคนรับทราบและปฏิบัติตาม
รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในการเดินทางไปหมู่บ้านหลายครั้ง ตนพบกับประชาชนซึ่งประสบความทุกข์เรื่องยาเสพติด แต่สิ่งหนึ่งที่เขากังวลใจ คือรัฐบาลเอาจริงหรือไม่ ถ้ารัฐบาลเอาจริง เขาก็พร้อมที่จะร่วม ซึ่งปัญหาที่ผ่านมา นอกจากปัญหาของอาชญากรที่สร้างอาชญากรรมเข้ามาแล้ว มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในหลายส่วนหลายระดับ ทำให้ปัญหายาเสพติดไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปกครอง หรือแม้แต่กำนันผู้ใหญ่บ้านบางส่วน ซึ่งการที่จะเป็นผู้ดำเนินการจัดการ กลับเป็นผู้มีส่วนร่วมสนับสนุน หรือแม้กระทั่งทำเองโดยตรง ในศูนย์กลางการทำงานของพวกเราขณะนี้มีรายชื่อของระดับเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ตั้งแต่หมู่บ้านขึ้นมา
“วันนี้เราได้เห็นแล้วว่า ปัญหายาเสพติดกระทบกับเรารุนแรงมากแค่ไหน และทุกข์ของประชาชนที่เห็น วันนี้รุนแรงมากจนกลายเป็นสิ่งที่กล่าวถึงกันไปทั่วทุกประเทศ…ปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาพื้นฐาน แต่เวลาพูดสิ่งที่เขารู้สึกมาก และสะเทือนใจ คือ ลูกหลานเขาติดยาเสพติด และเขารู้หมดว่าในหมู่บ้านใครค้าใคร ๆ ใครสนับสนุน” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ระบุ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ที่เรียกมาทั้งหมดที่มาพูดคุยกันคืออยากขอความร่วมมือให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ตนไม่เชื่อว่าพลังของส่วนราชการทั้งหมด หรือคนไทยทั้งหมดจะแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่ได้ ปัญหามีอยู่อย่างเดียวคือเราเอาจริงหรือเปล่า แต่เรากล้าที่จะทำแล้วหรือยัง ปัญหาเราเยอะแยะมากสิ่งที่เราได้พูดถึง อยากให้กำลังใจคนที่ทำงาน แต่หลายส่วนกล้าหาญมาก กล้ากระทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายใช้อำนาจหน้าที่ในการทำงาน
เพราะฉะนั้นเราต้องควบคุมพวกเรากันเอง และร่วมมือกับชาวบ้านรวมพลังกัน โดยเชื่อว่าปัญหายาเสพติดแก้ได้ เพราะฉะนั้นในการทำเหล่านี้เรามีทั้งคุณทั้งโทษ ถ้าพบว่าใครเมินเฉยนิ่งเฉย ทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอล ถ้าเราไม่รักพื้นที่ชุมชนที่เราอยู่แล้ว เราจะไปรักใครได้ เราไม่รักประเทศชาติแล้ว เราจะอยู่กันอย่างไร
“ถ้ามีปัญหา อย่างน้อยในช่วง 3 เดือนนี้ จะแสดงให้เห็นและจะทำต่อไป ติดขัดที่ตรงไหน ถ้าไม่เปลี่ยนแปลง เรามีมาตรการจับดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้การจังหวัด ถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหา และไม่มีส่วนร่วมในการดำเนินการ ขั้นแรกจะย้ายออกจากพื้นที่ทันที และดำเนินคดีตามสภาพความผิดที่เกิดขึ้น ไม่ต้องรอให้กระบวนการต่าง ๆ ในตัวชี้วัดที่มีอยู่ และการข่าวที่เรามีทั้งหมด ถ้าดำเนินการไปแล้วสามารถที่จะยืนยันได้ เราย้ายทันที ตรงนี้ผมไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องการมาข่มขู่กัน แต่ถ้าเราไม่ใช้กำปั้นเหล็กในการจัดการปัญหา เราทำทั้งถุงมือกำมะหยี่ และกำปั้นเหล็ก เรามีทั้งคนที่ทำดี เราให้คุณ เราตอบแทน ให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ใครที่มีส่วนร่วมได้รับผลประโยชน์และมีปัญหา เราจะจัดการทันที โดยการย้ายออกจากพื้นที่” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยากฝากให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรับรู้รับทราบว่า มาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการที่ทำให้เห็นและจะใช้ความเข้มข้นนี้ต่อเนื่องต่อไป และจะมีมาตรการไปถึงส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ที่เป็น อาชญากร และก่ออาชญากรรมข้ามประเทศ ทั้งนี้ มากกว่า Seal Stop Safe 14 จังหวัด คือดำเนินการทั่วประเทศ เพราะเราพบยาเสพติดจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง เพราะฉะนั้นเราไม่ได้ดูชายแดนอย่างเดียว ชายแดนเป็นเรื่องเราไปสกัดกั้นไม่ให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น
พร้อมกล่าวว่า ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้การฯ ใกล้เกษียณไม่มาทำงาน หรือไม่ใกล้เกษียณ แต่มีส่วนร่วมในการรักษาผลประโยชน์ ถือเป็นอุปสรรค เราพบอยู่หลายจุดหลายจังหวัด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง สำหรับตนเป็น รมว.มหาดไทย ได้รับข้อมูลการข่าวจากเรื่องยาเสพติดเข้ามามาก ถ้าพบว่ามีแหล่งต่าง ๆ ที่สร้างปัญหาก็จะสั่งย้ายทันที ไม่ว่าจะเป็นในระดับจังหวัด และจังหวัดอำเภอ หรือผู้ที่มีอิทธิพลเกี่ยวข้องทั้งหมด นี่คือนโยบายที่เคร่งครัดที่จะดำเนินการ ใน 3 เดือนนี้ให้ได้ผลอย่างชัดเจน
“ปฏิญญายับยั้งยาเสพติด ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ได้แสดงพลังร่วมกันวันนี้ จะเป็นคำมั่นสัญญา ที่ทั้งสองคนจะร่วมกัน แก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ของตนเอง ให้ประสบความสำเร็จ เพราะสุดท้าย ผลลัพธ์คือความสำเร็จของประชาชน” นายภูมิธรรม กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ค. 68)