
รัฐบาลแคนาดากำลังเร่งหาตลาดใหม่เพื่อลดการพึ่งพาทางการค้ากับสหรัฐฯ หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์แคนาดา (7.2733 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยแคนาดามีแผนขยายข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อเพิ่มโอกาสทางการส่งออก
มานินเดอร์ ซิดฮู รัฐมนตรีการค้าระหว่างประเทศของแคนาดาเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (17 ก.ค.) ว่า ทั้งแคนาดาและประเทศสมาชิกกลุ่มเมอร์โคซูร์ (Mercosur) แสดงความสนใจร่วมกันที่จะผลักดันการเจรจาการค้าให้คืบหน้า โดยเขาได้หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของบราซิลแล้ว และต่างมีท่าทีสนับสนุนแนวทางนี้
ด้านประธานาธิบดีลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิลเคยแสดงความตั้งใจตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า อยากเร่งให้เกิดการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างกลุ่มเมอร์โคซูร์และแคนาดา ซึ่งเมอร์โคซูร์ประกอบด้วยบราซิล อาร์เจนตินา ปารากวัย และอุรุกวัย และเคยมีการเจรจากับแคนาดาหลายครั้งในอดีต
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ และทีมงานยังคงอยู่ระหว่างการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ภายในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่งอาจช่วยลดภาษีนำเข้าสินค้าของแคนาดา
นอกจากกลุ่มเมอร์โคซูร์แล้ว ซิดฮูระบุว่า แคนาดายังให้ความสำคัญกับการหารือทางการค้ากับจีนเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยยอมรับว่าจีนเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ทั้งสองประเทศกำลังเจรจาอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับอัตราภาษีสินค้านำเข้า เช่น คาโนลา เนื้อวัว อาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าอีกหลายรายการ ขณะเดียวกัน เขามองว่าการปรับความสัมพันธ์กับอินเดียให้ดีขึ้นถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะสนับสนุนการค้าในอนาคต
ซิดฮูกล่าวว่า ปัจจุบันแคนาดามีข้อตกลงการค้าเสรี 15 ฉบับ ครอบคลุม 51 ประเทศ ทำให้เข้าถึงผู้บริโภค 1.5 พันล้านคน และรัฐบาลตั้งเป้าเดินหน้าลงนามข้อตกลงเพิ่มเติมภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ยังไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเขาเพิ่งลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับเอกวาดอร์ และข้อตกลงส่งเสริมการลงทุนกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ภายใน 2 เดือนแรกของการดำรงตำแหน่ง รวมถึงกำลังหารือกับกลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศในอินโด-แปซิฟิกอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 68)