Apple ประกาศปิดสโตร์ในจีนครั้งแรก ชี้ศูนย์การค้าซบเซา, ปรับกลยุทธ์หลังยอดขายชะลอตัว

บริษัทแอปเปิ้ล (Apple Inc.) ประกาศว่าจะปิดร้านค้าปลีกในประเทศจีนเป็นครั้งแรก โดยจะปิดสาขาศูนย์การค้าพาร์คแลนด์ มอลล์ ในเมืองต้าเหลียน วันที่ 9 ส.ค.นี้ โดยการตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ในตลาดจีน ซึ่งบริษัทกำลังเผชิญกับยอดขายที่ชะลอตัว

บริษัทให้เหตุผลของการปิดสาขาดังกล่าวว่าเกิดจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของศูนย์การค้า หลังจากมีร้านค้าแบรนด์อื่นทยอยปิดตัวลงไปก่อนหน้านี้ โดยแอปเปิ้ลไม่ใช่แบรนด์ใหญ่รายแรกที่ถอนตัวออกจากพาร์คแลนด์ มอลล์ ซึ่งก่อนหน้านี้แบรนด์อย่าง Coach, Sandro และ Hugo Boss ก็เลือกไม่ต่อสัญญาเช่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แถลงการณ์ของแอปเปิ้ลระบุว่า “จากการที่ร้านค้าหลายแห่งในพาร์คแลนด์ มอลล์ได้ทยอยปิดตัวลง เราจึงตัดสินใจปิดสโตร์ของเราที่นั่น” พร้อมยืนยันว่าจะเสนอตำแหน่งงานในสาขาอื่นให้แก่พนักงานที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับสาขาที่จะปิดตัวลงนี้เป็นหนึ่งในสองแห่งของเมืองต้าเหลียน โดยสาขาที่ศูนย์การค้าโอลิมเปีย 66 ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 10 นาที จะยังคงเปิดให้บริการตามปกติ

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจในจีนที่กำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืดและกำลังซื้อที่อ่อนตัวลง ขณะที่ยอดขายของแอปเปิ้ลในจีนประจำไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุด 29 มี.ค.) ลดลง 2.3% อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม การปิดสาขาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับกลยุทธ์การค้าปลีกทั่วโลกของแอปเปิ้ลที่หันมาให้ความสำคัญกับการคัดเลือกทำเลที่ตั้งและต่อสัญญาเช่าอย่างพิถีพิถันมากขึ้น โดยในวันเดียวกัน บริษัทได้ประกาศปิดสาขาที่เมืองบริสตอล สหราชอาณาจักร และมีแผนจะปิดสาขาในรัฐมิชิแกน สหรัฐฯ และใกล้เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ด้วยเช่นกัน

แม้จะมีการปิดสาขาเดิม แต่แอปเปิ้ลยังคงเดินหน้าขยายสาขาในทำเลใหม่ ๆ โดยมีแผนจะเปิดสโตร์แห่งใหม่ที่เมืองเซินเจิ้นในวันที่ 16 ส.ค. และมีโครงการจะเปิดสาขาเพิ่มในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ภายในปีหน้า ตลอดจนขยายสาขาใหม่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 68)