สหรัฐฯ อ่วม ขาดดุลงบประมาณพุ่ง 2.91 แสนล้านดอลล์เดือนก.ค. แม้รายได้ภาษีทรัมป์ทะลัก

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยในวันอังคาร (12 ส.ค.) ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณเดือนก.ค. พุ่งขึ้นเกือบ 20% แตะที่ 2.91 แสนล้านดอลลาร์ แม้ว่ารัฐบาลจะสามารถเก็บภาษีศุลกากรจากนโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มขึ้นมหาศาลก็ตาม โดยสาเหตุหลักมาจากรายจ่ายของรัฐบาลที่ขยายตัวเร็วกว่ารายรับอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ตัวเลขขาดดุลเฉพาะเดือนก.ค. สูงขึ้นจากเดือนก.ค.ปีก่อนถึง 19% (4.7 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยรายรับของรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 2% เป็น 3.38 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่รายจ่ายกลับทะยานขึ้นถึง 10% ไปอยู่ที่ 6.3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของเดือนก.ค.

เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังชี้ว่า รายได้จากภาษีนำเข้าในเดือนก.ค. พุ่งขึ้นเป็น 2.77 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยเก็บได้เพียง 7.1 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อน ซึ่งเป็นผลพวงโดยตรงจากนโยบายภาษีของทรัมป์

แม้ทรัมป์จะอ้างอยู่เสมอว่าเงินภาษีหลายพันล้านดอลลาร์กำลังไหลเข้าคลังสหรัฐฯ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาระภาษีดังกล่าวตกอยู่กับบริษัทผู้นำเข้า ซึ่งส่วนใหญ่มักผลักภาระต่อไปยังผู้บริโภคผ่านราคาสินค้าที่สูงขึ้น เห็นได้จากข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุด ที่พบว่าราคาสินค้าอย่างเฟอร์นิเจอร์ รองเท้า และชิ้นส่วนยานยนต์แพงขึ้นอย่างชัดเจน

เมื่อมองภาพรวม 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ต.ค. 2567 – ก.ค. 2568) พบว่ารัฐบาลเก็บภาษีนำเข้าได้รวมทั้งสิ้น 1.357 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 116% อย่างไรก็ตาม ยอดขาดดุลงบประมาณสะสมก็ยังพุ่งสูงถึง 1.629 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า

เป็นที่น่าสังเกตว่า รายได้จากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของรัฐบาล (โครงการเมดิแคร์และเมดิเคด) ที่บานปลายเพิ่มขึ้นถึง 1.41 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านบำนาญประกันสังคม ซึ่งเป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่สุด ก็เพิ่มขึ้นอีก 1.08 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ภาระดอกเบี้ยจากหนี้สาธารณะของประเทศยังคงพุ่งไม่หยุด โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลต้องจ่ายดอกเบี้ยไปแล้วกว่า 1.01 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน อันเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและหนี้สินของประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เคน มาเทนี ผู้อำนวยการเศรษฐศาสตร์มหภาคจาก Budget Lab ของมหาวิทยาลัยเยล วิเคราะห์ว่า ยังมีแนวโน้มที่รายได้ภาษีจะพุ่งสูงขึ้นได้อีกในระยะสั้น เนื่องจากมีบริษัทจำนวนมากที่น่าจะกักตุนสินค้าไว้ใน “คลังสินค้าทัณฑ์บน” เพื่อรอดูท่าทีและหวังว่าอัตราภาษีจะลดลง แต่ท้ายที่สุดแล้ว สินค้าเหล่านี้จะต้องถูกนำเข้ามาในประเทศและชำระภาษีอยู่ดี

“ผมมองว่าตัวเลขเหล่านี้กำลังชี้ให้เห็นว่า ยังมีสินค้านำเข้าอีกมหาศาลที่ยังไม่ได้เสียภาษี ซึ่งอาจทำให้เราเห็นตัวเลขรายรับภาษีพุ่งกระฉูดขึ้นมาชั่วคราวในอนาคต” มาเทนีกล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 68)