
ที่ประชุมบอร์ดประกันสังคม มีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการการแพทย์ กองทุนประกันสังคม ให้ปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีทันตกรรมแก่ผู้ประกันตน โดยปรับแนวทางการจ่าย เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนเข้าถึงบริการกรณีทันตกรรม ณ สถานพยาบาล คลินิกทันตกรรมได้อย่างสะดวก ดังนี้
1. กรณีผู้ประกันตนที่เข้ารับบริการกรณีทันตกรรมที่สถานพยาบาลเอกชน
- คงอัตราอุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน วงเงิน 900 บาท/คน/ปี และจัดให้มีการตรวจสุขภาพช่องปาก
- จ่ายเพิ่มค่าผ่าฟันคุด ไม่เกิน 1,500 บาท/ซี่ กรณีเพิ่มกรอกระดูกและฟัน จ่ายไม่เกิน 2,500 บาท/ซี่ โรงพยาบาลที่ทำความตกลงห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่ม
2. กรณีผู้ประกันตนที่เข้ารับบริการกรณีทันตกรรมที่สถานพยาบาลรัฐ
- จัดให้มีการตรวจสุขภาพช่องปาก และรายการทันตกรรม อัตราจ่ายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โรงพยาบาลที่ทำความตกลงห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่ม
- ปรับอัตราฟันเทียมถอดได้ และเพิ่มค่าซ่อมฟันเทียมรายครั้ง โดยค่าผ่าตัด 17,500 บาท/ราย ค่าติดตามรักษาปีละ 700 บาท/ราย และค่าอุปกรณ์ไม่เกิน 3,000 บาท
- เพิ่มฝังรากฟันเทียมรองรับฟันเทียมทั้งปาก สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันทั้งหมด ที่ทันตแพทย์พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถใส่ฟันเทียมวิธีปกติได้
- เพิ่มวงเงินฟันเทียมถอดได้บางส่วน-ถอดได้ทั้งปาก สูงสุด 6,000 บาท
น.ส.บุปผา เรืองสุด เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า คณะกรรมการประกันสังคม ให้ดำเนินการปรับเพิ่มสิทธิดังกล่าว ต่อเมื่อมีการปรับค่าจ้างที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 ตามกฎหมายว่าด้วย พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 แล้ว
ปัจจุบัน สิทธิประโยชน์ทันตกรรมของสำนักงานประกันสังคม ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการได้ในสถานพยาบาล หรือคลินิก ทั้งรัฐและเอกชน ที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ รับบริการได้ทันที ไม่ต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า ไม่ต้องสำรองจ่าย เพื่อรองรับการดูแลผู้ประกันตนให้ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
“สำหรับการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ในวันนี้นั้น จะเป็นการช่วยเหลือดูแล ลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกันตน และช่วยให้สามารถเข้ารับบริการได้ครอบคลุมรายการทันตกรรมมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรม เป็นความพยายามที่ผลักดันมาโดยตลอด เพราะจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้ประกันตน” เลขาธิการ สปส.กล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว จำเป็นต้องมีการปรับเพดานค่าจ้าง เพื่อเพิ่มเงินสมทบ และสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนมากขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการประกันสังคม ยังมีแนวทางศึกษาปรับสิทธิประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น การปรับสูตรบำนาญใหม่ CARE ซึ่งจะทำให้บำนาญผู้ประกันตนสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย
“หลังจากนี้ จะเร่งดำเนินการเตรียมออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ต่อไป และหากดำเนินการออกประกาศแล้วเสร็จ สำนักงานประกันสังคม จะทำการประชาสัมพันธ์ เพื่อแจ้งแนวทางการเข้ารับบริการต่อไป” น.ส.บุปผา กล่าว
ด้านนายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า แม้สวัสดิการทำฟันจ่ายไม่เกิน 900 บาท/ปี จะเหมือนเป็นสิทธิ์เปิดกว้างสำหรับทุกคนสามารถใช้บริการได้ แต่เอาเข้าจริงแล้ว มีคนใช้สิทธิ์ทันตกรรม ประมาณปีละ 4 ล้านคนเท่านั้น หรือคิดเป็นแค่ 28% ของผู้ประกันตน 12 ล้านคนเท่านั้น กล่าวคือ ถึงแม้เป็นสิทธิ์เปิดกว้างก็ไม่ใช่ทุกคนจะมาใช้
ส่วนการผ่าฟันคุดนั้น สัดส่วนน้อยกว่า ราวๆ 0.8% เท่านั้น ราวๆ 87,000 คน ดังนั้นการเพิ่มสิทธิ์การผ่าฟันคุด 1,500-2,500 บาทต่อซี่ ก็คาดว่าจะใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท
ส่วนสำคัญคือการรักษาฟันที่มีความซับซ้อน เราเองก็ตระหนักว่าอาจไม่สามารถควบคุมกลไกของเอกชนได้เต็มที่ แต่อย่างน้อยการขยายสิทธิ์การรักษา เช่น เกลารากฟัน, ขลิบแต่งกระดูก, แต่งกระดูก, เฝือกผ่าตัด 3 รายการหลังอาจมีคนใช้บริการ 450 คนโดยประมาณ รวมถึงรักษารากฟันเทียมทั้งปาก กรณีที่ไม่สามารถใช้ฟันเทียมได้ ได้สิทธิประโยชน์ 17,500 บาท เหมือน สปสช. ซึ่งนับแล้วก็มีคนใช้สิทธิ์ไม่เยอะ อาจไม่เกิน 100 คน โดยการรักษาทั้งหมดเพิ่มเติมขึ้นปีละ 300-500 ล้านบาทเท่านั้น
“ข้อมูลทุกอย่างที่เราประมวลสมบูรณ์ที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตนมากสุด ขอบคุณคณะกรรมการการแพทย์ที่สามารถผลักดันเรื่องนี้ แม้การตัดสินใจเรื่องนี้ในบอร์ดจะยากลำบาก แต่เราก็ยืนยันว่านี่คือสิ่งที่ประกันสังคมควรทำ เราไม่ใช่องค์กรแสวงหากำไร หน้าที่หลักของเราคือการดูแลผู้ประกันตน เป็นอีกวันที่หนักหน่วงสำหรับทีมประกันสังคมก้าวหน้า แต่ก้าวเล็ก ๆ นี้คือก้าวที่สำคัญสำหรับผู้ประกันตนทุกคน” นายษัษฐรัมย์ ระบุ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 68)