น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $1.13 หลังแผนส่งออกน้ำมันจากเคอร์ดิสถานชะงัก

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (23 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าแผนการส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานของอิรักหยุดชะงักลง ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันโลกล้นตลาด

  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่ 63.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 67.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น หลังจากการส่งออกน้ำมันผ่านท่อส่งจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานของอิรักไปยังตุรกียังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้ในวันอังคาร เนื่องจากผู้ผลิตรายสำคัญสองรายเรียกร้องการค้ำประกันการชำระหนี้ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลกลางอิรักและรัฐบาลภูมิภาคเคอร์ดิสถานได้ทำข้อตกลงร่วมกับกลุ่มบริษัทน้ำมัน โดยมีเป้าหมายที่จะกลับมาส่งออกน้ำมันประมาณ 230,000 บาร์เรล/วันจากเคอร์ดิสถานสู่ตลาดโลกผ่านทางตุรกี ซึ่งหยุดชะงักไปตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566

เจ้าหน้าที่ด้านพลังงานกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีของอิรักได้ประชุมกันในวันอังคารโดยมีเรื่องข้อตกลงนี้อยู่ในวาระการประชุม แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าข้อตกลงจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่หากไม่มีการเข้าร่วมของ DNO บริษัทสัญชาตินอร์เวย์ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน และบริษัท Genel ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่มีฐานในสหราชอาณาจักร

นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ด้านอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในตลาดโลก โดยมีแนวโน้มว่าอุปทานน้ำมันจะสูงขึ้นและความต้องการใช้น้ำมันอาจลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าและแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า อุปทานน้ำมันโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากการเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนของกลุ่มโอเปกพลัสซึ่งรวมถึงรัสเซีย

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 68)