
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร (23 ก.ย.) โดยราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 40.6 ดอลลาร์ หรือ 1.08% ปิดที่ 3,815.7 ดอลลาร์/ออนซ์
ราคาทองคำพุ่งขึ้น แม้ว่าเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่ Greater Providence Chamber of Commerce (GPCC) เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทยว่า เฟดกำลังเผชิญกับ “สถานการณ์ที่ท้าทาย” เนื่องจากความเสี่ยงระยะสั้นของเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่วนความเสี่ยงของการจ้างงานมีแนวโน้มไปทางขาลง นอกจากนี้ พาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
บ็อบ ฮาเบอร์คอร์น นักวิเคราะห์จาก RJO Futures กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดทองคำไม่ได้ให้น้ำหนักกับการแสดงความเห็นของพาวเวลในครั้งนี้ และมองว่ายังไม่มีปัจจัยลบใด ๆ ที่รุนแรงมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มขาขึ้นของทองคำได้ในขณะนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนต.ค.และเดือนธ.ค. หลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ โดยล่าสุดองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ได้เตือนรัสเซียว่าจะใช้เครื่องมือทางทหารที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องตนเอง หลังจากรัสเซียละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนียซึ่งเป็นชาติสมาชิก NATO
ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้จัดประชุมฉุกเฉินในวันจันทร์ (22 ก.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีที่เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียรุกล้ำน่านฟ้าของเอสโตเนีย โดยเจ้าหน้าที่เอสโตเนียและประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งสหรัฐฯ ต่างก็กล่าวหาว่า รัสเซียละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนียและทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 68)