
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4,200 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในวันพุธ (15 ต.ค.) และยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ และจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งรวมถึงสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 38.2 ดอลลาร์ หรือ 0.92% ปิดที่ 4,201.60 ดอลลาร์/ออนซ์
นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้วกว่า 60% โดยได้แรงหนุนจากหลากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง กระแสลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ ตลอดจนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ
นักวิเคราะห์จาก City Index และ FOREX.com กล่าวว่า ราคาทองคำพุ่งขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ และยังไม่แนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยง
ตลาดยังได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน เนื่องจากตลาดแรงงานอ่อนแอลงอย่างมาก
นักลงทุนให้น้ำหนัก 98% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ และให้น้ำหนักเต็ม 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนธ.ค. สอดคล้องกับที่สตีเฟน มิแรน สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดซึ่งกล่าวกับ CNBC ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ต.ค. 68)