
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันจันทร์ (17 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนรอดูรายงานผลประกอบการรายไตรมาสจากบริษัทค้าปลีกและบริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia รวมทั้งจับตาตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
- ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,590.24 จุด ลดลง 557.24 จุด หรือ -1.18%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,672.41 จุด ลดลง 61.70 จุด หรือ -0.92% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,708.07 จุด ลดลง 192.51 จุด หรือ -0.84%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีมีการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 วัน (50-day moving averages) โดยค่าเฉลี่ยดังกล่าวนี้ถือเป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สำคัญและถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสามารถบ่งชี้แนวโน้มตลาดในระยะกลางได้ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 50 วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ Walmart, Home Depot และ Target โดยหุ้น Home Depot ร่วงลง 1.2% ก่อนที่บริษัทจะรายงานผลประกอบการในวันนี้ (18 พ.ย.)
ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูข้อมูลแรงงานในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย. รวมทั้งตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดีที่ 20 พ.ย. เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย หลังจากที่ได้เลื่อนการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวก่อนหน้านี้ อันเนื่องจากหน่วยงานของรัฐบาลถูกชัตดาวน์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานผลประกอบการของบริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 19 ต.ค.นี้ เพื่อประเมินความยั่งยืนของธุรกิจ AI ขณะที่หุ้น Nvidia ปิดตลาดร่วงลง 1.8% ในวันจันทร์ และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลงกว่า 300 จุด ท่ามกลางความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในธุรกิจ AI
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงาน ร่วงลง 1.93% และ 1.88% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น 1.13% และ 0.84% ตามลำดับ
หุ้น Dell Technologies ร่วงลง 8.4% และหุ้น Hewlett Packard Enterprise ดิ่งลง 7% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนในหุ้นของทั้งสองบริษัท
ส่วนหุ้น Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ปรับตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัท Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เข้าซื้อหุ้น Alphabet มูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ Berkshire Hathaway ได้ปรับลดการถือครองหุ้น Apple ในสัดส่วน 15% หรือราว 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้น Apple ปิดตลาดปรับตัวลง 1.8%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 68)





